‘วรภัค‘ แจง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสแกมเมอร์ พร้อมดำเนินคดีคนปล่อยข่าวเท็จ
‘วรภัค‘ แจง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสแกมเมอร์ พร้อมดำเนินคดีคนปล่อยข่าวเท็จ ก่อนประกาศลาออก รมช.คลัง หลังทำงานแค่ 32 วัน เผย เกริ่นไว้กับ นายกฯ แล้ว ยืนยัน เจตนาบริสุทธิ์ ย้ำชัด ไม่ได้ถูกกดดัน
วันนี้ (22 ต.ค. 68) นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีการมีข่าวว่าเข้าไปเกี่ยวโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ว่า ตนเองขอชี้แจงข้อเท็จจริงที่ว่าตนเองเกี่ยวข้องกับแก๊งต้มตุ๋น หลอกเงิน โดยหากย้อนปูมหลังไป ตนเองมีการทำงานด้านการเงินมากว่า 30 ปี โดยหลังจากเกษียณ ถูกเชิญเป็นที่ปรึกษาหลายธนาคาร โดยปี 2557 ได้เป็นประธานคณะที่ปรึกษาของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยเป็นครั้งแรกที่มาช่วยงานการเมือง แม้ยังไม่มีตำแหน่ง แต่หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ก็ได้รับเกียรติให้มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยส่วนตัวไม่เคยทะเยอทะยานทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น
นายวรพัฒน์ ยังชี้แจงข้อเท็จจริงโดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น กับ BIC Bank และ BIC Group และไม่สนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมายใด ๆ และจะไม่สนับสนุนทั้งสิ้น พร้อมระบุว่า ตนเองเคยพบกับ ยิม เลียก จริง แต่ไม่เคยได้รับเงิน การเอาชื่อของตนเองไปขึ้นเว็บไซต์นั้น ตนเองไม่เคยทราบมาก่อน และเมื่อจะเข้าไปดู ก็เอาชื่อออกไปแล้ว
ส่วนกรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์ เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ รู้จักกันเนื่องจากลูกเรียนโรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย แต่ไม่ทราบว่าเขาทำงานอะไรบ้าง ซึ่งภรรยาของตนเองก็รู้จักกับภรรยาของนายเบน สมิธ เช่นกัน ยืนยันว่า ภรรยาไม่เคยซื้อกองทุน หรือหุ้นของ CAI
ทั้งนี้ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าตนเองเป็นนอมินีนั้น ไม่เป็นความจริง ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ทุกประการ
ส่วนจุดยืนส่วนตัวทางการเมืองนั้น ตนเองขอปฏิเสธข้อกล่าวหาใส่ร้าย ป้ายสีทั้งหมดอย่างชัดเจน ว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์
นายวรภัค ระบุว่า ตนเองมีประวัติการทำงาน และจรรยาบรรณที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ 30 ปี ในแวดวงการเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติ และองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ พร้อมขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือน และเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง และตนเองเชื่อมั่นในหลักนิติธรรม จะยืนหยัดในความจริง เพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคล และเกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย
นายวรภัค กล่าวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตนเองทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มุ่งมั่น ขับเคลื่อนภารกิจด้านเศรษฐกิจ และการคลังของประเทศ ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาที่รัฐบาลนี้มีค่อนข้างน้อย และความคาดหวังของประชาชนที่มีอยู่สูงมาก ตนเองเจอนายอนุทิน ก็บอกว่า ให้เราไปเจอชาวบ้านบ้าง จะได้มี sense of responsibility จะได้มีความรับผิดชอบที่จะต้องดูแลประชาชนซึ่งเป็นสาเหตุที่เราพยายามทุ่มเทเวลา
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ที่ตนเองถูกใส่ร้ายป้ายสี และข้อมูลเท็จตนเองต้องใช้เวลาในการดำเนินคดีกับผู้ไม่หวังดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักของตนเอง ในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการคลังให้หลุดพ้น
“ผมไตร่ตรองอยู่นาน และตัดสินใจว่าจะขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลของผม กลายเป็นพันธะ หรือเงื่อนไขที่อาจกระทบต่อความคล่องตัว หรือประสิทธิภาพของรัฐบาล การตัดสินใจครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยืนหยัดหลักความโปร่งใส และรักษาความเป็นอิสระของรัฐบาล ในการบริหารประเทศ ให้ปราศจากข้อครหา และไม่เปิดช่องให้ฝ่ายใด นำเรื่องส่วนตัวของผม มาเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล ผมเชื่อมั่นว่าความโปร่งใส ความเป็นมืออาชีพของรัฐบาล จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติได้” นายวรภัค กล่าว
ตนเองยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ และจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือน และเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อปกป้องเกียรติ ชื่อเสียง และหลักความจริง โดยทำทั้งหมดนี้ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งของรัฐบาล โดยต้องขอขอบคุณนายกฯ และทุกคนที่สนับสนุนการทำงานตลอดมา และจะทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่รัก และปราถนาดีต่อประเทศชาติต่อไป
สำหรับการแจ้งลาออกนั้น ตนเองได้เกริ่นให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว แต่ท่านให้ตนเองเป็นคนตัดสินใจ และรู้ว่าท่านภารกิจมีเยอะ ภาระหนักอึ้งอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยยืนยันไม่ได้ถูกกดดัน แต่คิดแล้วว่าตนเองอยากช่วยประเทศชาติ และไม่เคยอยากมารับตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้มีความทะยานทางการเมือง ไม่ใช่ไม่แคร์ และเพิ่งคิดไม่นานนี้
เมื่อถามย้ำว่า ในเมื่อชี้แจงข้อสงสัยได้ ทำไมถึงตัดสินใจลาออก นายวรภัค กล่าวว่า ล่าสุดมาพาดพิงถึงภรรยาของตนเอง ซึ่งใกล้ตัวเกิน และภรรยาไม่อยากให้ตนเอง มารับตำแหน่งทางการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลนี้มีเวลาไม่มากต้องการคนที่มีเวลามาขับเคลื่อนภารกิจทางการเมือง และอยากให้เกิดอิสระในการตรวจสอบ ไม่ใช่ว่าไม่กล้าตรวจสอบเพราะตนเองอยู่ในตำแหน่ง ก็เสียดายได้ทำงานแค่เวลาสั้น ๆ ส่วนการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีนั้น ช่วงนี้ท่านงานเยอะ คงได้พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์มากกว่า
เมื่อถามย้ำอีกว่าไม่ได้ถูกกดดัน จนต้องลาออกใช่หรือไม่ นายวรภัค กล่าวว่า ตนเองมองว่าเสถียรภาพรัฐบาลขนาดนี้เอาผลงานเป็นหลักและมองว่าโมเมนตัมค่อนข้างดีแม้ตนเองไม่ได้อยู่ในรัฐบาลแล้วแต่ก็มั่นใจในเรื่องเศรษฐกิจแน่นอน
เมื่อถามว่าไม่ได้ถูกกดดันจากใครในรัฐบาลใช่หรือไม่ นายวรภัค ระบุว่า ดูหน้าตนเอง ถูกกดดันหรือไม่












