‘พิธา’ ย้ำ ‘ก้าวไกล’ ไม่มีใครนอกจากประชาชน แม้จะได้รับความไว้วางใจมากที่สุด แต่ถูกปิดสวิตช์ ตั้งรัฐบาลไม่ได้
วันนี้ (22 ส.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เราเริ่มทำงานการเมืองในสมัยพรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกลที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค จนถึงการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 พวกเราทำงานอย่างหนัก เดินหน้าเคาะทุกประตูบ้าน คุยกับทุกคน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ ออกสัมภาษณ์สื่อ ออกแบบนโยบาย
การทำงานหนักของพวกเรา และความ “ชัดเจน จริงใจ ตรงไปตรงมา” ทำให้พรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุดถึง 14 ล้านเสียง เป็นพรรคที่มีจำนวนผู้แทนราษฎรเป็นอันดับหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร
แต่ก้าวไกลก็ไม่มีใคร…นอกจากประชาชน
ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ทุกองคาพยพทางการเมืองพร้อมใจกันปิดสวิตช์ก้าวไกล จนได้รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ขัดความรู้สึกพี่น้องประชาชน
เมื่อติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ไม่มีวันที่รัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วนี้จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีใด ๆ ได้
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อการเมืองการปกครองที่เป็นอยู่ ก้าวไกลภายใต้การนำของผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นตัวแทนพลังใหม่ เป็นความหวัง เป็นที่หนึ่งในดวงใจของพี่น้องประชาชน ด้วยการทำงานทันสมัย มีประสิทธิภาพ ทั้งตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจ และทั้งเสนอแนะทางออกของประเทศในประเด็นต่าง ๆ รวมทั้งการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า อภิปรายวาระที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย
เราจะเป็นสถาบันการเมืองที่พี่น้องประชาชนฝากความไว้วางใจเอาไว้ได้ ว่าเราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน และจะไม่มีวันทรยศหักหลังต่อความไว้วางใจที่พี่น้องให้มาอย่างแน่นอน
การทำงานการเมืองแบบก้าวไกล ไม่ใช่การเมืองวิเศษวิโสอะไร เราแค่อยากทำให้ความจริงใจ ตรงไปตรงมา รักษาคำพูด เป็นเรื่องปกติในการเมืองไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอเชิญเพื่อนพี่น้องทุกคน ร่วมเดินทางไกลอีกครั้งกับพรรคก้าวไกล ช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันทำงาน ช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลง ช่วยกันยืนยันว่าการเมืองวิถีก้าวไกล คือสิ่งที่ทุกคนถวิลหา ช่วยกันยืนยันว่าการเมืองวิถีก้าวไกล เป็นไปได้ ช่วยกันยืนยันว่าการเมืองวิถีก้าวไกล จะลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในประเทศไทย ช่วยกันยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ เป็นของประชาชน”