POLITICS

‘จิรายุ’ บ่น ‘สมชาย’ หลังแขวะนายกฯ ไปอังกฤษ ชี้ ไปแค่ 3 วัน แต่มีคนนั่งตาร้อน

‘จิรายุ’ บ่น ‘สมชาย’ เอาใจยาก หลังแขวะนายกฯ ไปอังกฤษ ชี้ ไปแค่ 3 วัน ดึงเงินเข้าประเทศ แต่มีคนนั่งตาร้อน ลั่น “ทำงานให้คนอิจฉา ดีกว่านั่งอิจฉาคนทำงาน”

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีเดินทางไปอังกฤษ แต่ไม่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และไม่มีการเชิญสื่อมวลชนไปว่า นายสมชายเคยเป็นสื่อมวลชน น่าจะทราบว่าภารกิจรัฐบาลในต่างประเทศมีทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ บางภารกิจรัฐบาลไม่จำเป็นต้องไปชุดใหญ่ เพราะมีสถานเอกอัครราชทูตอยู่แต่ละประเทศ มีทั้ง เอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ทูตทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายโสตฯ จำนวนมาก นายกฯ เดินทางถึงและไปภารกิจที่ใดก็ส่งข่าวได้รวดเร็ว ไม่มีตกหล่น

“พอพาสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ไปชุดใหญ่ ก็ค่อนแคะว่าเปลืองงบประมาณ พอไปน้อยก็ถามอีกว่าทำไมไม่เอาสื่อไป พอนายกฯ ไปเชิญชวนนักธุรกิจมาลงทุนและโปรโมตสินค้าไทยก็อารมณ์เสียอีกว่าทำไมไม่ได้พบกับผู้นำประเทศนั้น จนบางทีก็เอาใจคนวัยนี้ได้ยากจริง ๆ หรือเป็นเพราะอารมณ์แห่งความเกลียดชังเลยบดบังทัศนียภาพความเจริญของประเทศไทยใช่หรือไม่“ นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยวนเวียนอยู่กับความขัดแย้ง อิจฉาตาร้อนมาเป็นสิบปี มีหลายปัจจัยที่เป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจของประเทศ การเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องของการไปส่งเสริมสินค้า และภาคธุรกิจของไทย นักธุรกิจไทยต่างขอบคุณและดีใจที่ผู้นำไทยให้ความสำคัญ แต่กลับมีบางคนที่เมืองไทยนั่งตาร้อน ทั้งนี้ มั่นใจในคติพจน์แต่โบราณในการทำงานที่ว่า “ทำงานให้คนอิจฉา..ดีกว่านั่งอิจฉาคนทำงาน..“

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า การเดินทางของนายกรัฐมนตรีแต่ละครั้งกลับมาไม่เคยไม่มีอะไรติดมือมาสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ด้านการลงทุนในเวทีระดับโลก และความสามารถเชิญชวนนักลงทุนระดับโลก รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยที่นำเสนอให้กับนานาอารยะประเทศมาลงทุนเป็นจำนวนมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามบางคน ยังติดอารมณ์หงุดหงิด เพราะไม่ว่าคนในครอบครัวนี้จะทำอะไรที่ดีต่อประเทศชาติมากแค่ไหนก็จะมองไม่เห็น แม้แต่องคุลี

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า การเดินครั้งนี้ ไปแค่ 2-3 วัน เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีมีประสบการณ์ในการเดินทางเชิญชวนนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยสามารถขยายในตลาดโลกได้มากขึ้น หากไทยมีโอกาสจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลก หลายประเทศทั่วโลกมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ได้สิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ จัดการแข่งขันมาแล้วเป็น 10 ปี โกยเงินเข้าประเทศไม่รู้กี่แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากนายกรัฐมนตรีทำให้บ้านเมืองเจริญ มีนักลงทุนมามาก ประชาชนกินดีอยู่ดีแล้ว อาจทำให้บุคคลบางกลุ่มตาร้อนบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา

Related Posts

Send this to a friend