‘ชลน่าน’ มองตั้ง ‘พีระพันธุ์’ ไม่เหมาะสม ส่อเอื้อ ‘รวมไทยสร้างชาติ’
‘ชลน่าน’ มองตั้ง ‘พีระพันธุ์’ ไม่เหมาะสม ส่อเอื้อ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เตือนนายกฯ ไม่น่าชิงยุบสภาฯ หนีอภิปราย ม.152 คาดญัตติเข้าที่ประชุมสิ้นเดือน ม.ค. 66
วันนี้ (21 ธ.ค. 65) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตอบคำถามสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
นพ.ชลน่าน ระบุว่า การแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นเลขาธิการนายกฯ นั้นเป็นไปตามอย่างที่ทราบกัน เพราะว่ามีการลาออกของอดีตเลขาธิการนายกฯ และแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาแทน เดิมทีนายพีระพันธุ์ก็เคยเป็นที่ปรึกษานายกฯ อยู่แล้ว สัปดาห์นี้ก็มีการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการนายกฯ
ถ้าถามว่าทำได้ไหม ก็สามารถทำได้ ไม่มีกฎหมายใดไปห้ามแต่งตั้ง แต่โดยเฉพาะกรณีที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง หากถามว่าเหมาะสมหรือไม่ ก็ควรตั้งคำถาม อายุของสภาผู้แทนราษฏรจะหมดในอีก 3 – 4 เดือนข้างหน้าการเปลี่ยนแปลงบุคลากรของรัฐ ในตำแหน่งและห้วงเวลาที่สำคัญอย่างนี้ โดยสามัญสำนึกแล้วไม่เหมาะสม และโดยเฉพาะคนที่ตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ คนเดิม เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ทุกคนยอมรับ
จึงเชื่อได้เลยว่าวัตถุประสงค์การแต่งตั้งไม่เกี่ยวกับหน้าที่และการงานที่ควรจะเป็น เป็นการเอื้ออำนวยให้พรรคการเมืองที่มีข่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จะไปอยู่ด้วยในอนาคตหรือไม่ นายกฯ ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชน ใช้อำนาจหน้าที่ เอาเปรียบทางการเมือง เอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง นับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ส่วนการกระทำดังกล่าวจะเป็นการครอบงำ ชี้นำพรรคการเมืองอื่นหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน ตอบว่า การตีความมาตรานี้ ถ้าสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือพรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลภายนอกมีการชี้นำ ครอบงำ ในการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองในทางตรงหรือทางอ้อม ถือว่าเป็นการครอบงำ ชี้นำ โดยเฉพาะทำให้ขาดความเป็นอิสระในการทำงาน ทีนี้การแต่งตั้งหัวหน้าพรรคไปเป็นเลขาธิการนายกฯ ถือว่าเป็นกิจกรรมของพรรคการเมืองไหม ต้องไปดูข้อกฎหมาย ถ้าเอาตำแหน่งไปให้หัวหน้าพรรคมีบทบาทหน้าที่อำนาจที่เกี่ยวกับพรรค ไปเอื้อต่อพรรคตนเอง ก็จะเกี่ยวกับกิจกรรมพรรคการเมือง ก็เข้าสู่กระบวนการกฎหมายได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมถึงการญัตติขออภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 นพ.ชลน่าน ตอบว่า ขณะนี้ทำญัตติเรียบร้อยแล้ว โดยในวันที่ 26 ธ.ค. 65 จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ คาดว่าจะยื่นได้ในวันที่ 27-28 ธ.ค. และใช้เวลา 3 สัปดาห์ในการผ่านกระบวนการ ซึ่งจะได้อภิปรายทั่วไปภายในที่ 3-4 สัปดาห์ของเดือนมกราคม 2566 ขณะนั้นคาดว่าสภาก็จะยังอยู่
“ไม่มีข้อกฎหมายใดห้ามไม่ให้ยุบสภาฯ แต่ถ้าพลเอก ประยุทธ์ เห็นญัตติที่เรายื่นเข้าไปแล้วยุบสภาฯ นั่นหมายความว่า คุณหนีการอภิปรายทั่วไปที่เพียงแต่เสนอข้อเท็จจริงและปัญหา หนีการตรวจสอบ ปิดกั้นการตรวจสอบเพื่อปิดบังสิ่งที่ซ่อนเร้นที่พรรคร่วมฝ่ายค้านนับวันรอเปิดเผย ผมว่าเรื่องนี้น่าอายกว่า ไม่ควรนะครับ ไม่ควรทำน่าอายแบบนั้น” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าว












