สภาฯ ถกร่าง กม.สันติสุข ‘ณัฐวุฒิ’ แจง กมธ. ขยายฐานความผิดนิรโทษกรรม หวังครอบคลุมทุกกลุ่ม
วันนี้ (21 ต.ค. 68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข ฉบับที่… พ.ศ…. ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เป็นผู้นำเสนอรายงาน
นายณัฐวุฒิชี้แจงว่า กมธ. ได้พิจารณาขยายขอบเขตการนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มบุคคล ทุกกลุ่มการเมือง และผู้เคลื่อนไหวที่มีแรงจูงใจทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมาให้มากที่สุด ภายใต้กรอบหลักการของร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 3 ฉบับที่สภาฯ รับหลักการในวาระแรกไปแล้ว
กมธ. ได้แก้ไขเนื้อหาหลายมาตรา เช่น เพิ่มความผิดทางพินัยเข้าไปในส่วนของการนิรโทษกรรมคดีอาญาให้ชัดเจนขึ้น ส่วนความผิดทางแพ่ง เห็นชอบให้ยุติการบังคับคดี แต่ตัดประเด็นการคืนเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดออกไป นอกจากนี้ ยังขยายฐานความผิดในบัญชีแนบท้ายที่จะได้รับการนิรโทษกรรมเพิ่มเติม จากเดิม 12 ฐานความผิด เพื่อให้ครอบคลุมกว้างขวางที่สุด
สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข มีการปรับปรุงให้มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน พร้อมกรรมการจากฝ่ายบริหาร ภาคประชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และตัวแทนจากทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยกำหนดให้ประชุมครั้งแรกภายใน 30 วันหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ เพื่อเร่งกระบวนการเยียวยา
ประเด็นเกี่ยวกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่กระทำผิดกฎหมายโดยมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง กมธ. ได้เพิ่มช่องทางให้สามารถเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการฯ เพื่อขอเข้าสู่กระบวนการรอการกำหนดโทษได้ ซึ่งศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเป็นรายกรณี ภายใต้กรอบกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาเด็กและเยาวชน
นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงผู้ที่ถูกพิพากษาจำคุกไปแล้ว เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง ว่า กมธ. เห็นชอบให้เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการลบล้างประวัติอาชญากรรมในทุกขั้นตอน เพื่อให้ถือว่าเป็นผู้ไม่เคยกระทำผิดจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ที่ถูกบันทึกประวัติอย่างมาก
ประธาน กมธ. กล่าวสรุปว่า แม้กฎหมายฉบับนี้ไม่อาจสลายความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างได้ แต่การทำงานของ กมธ. ทั้ง 32 คน แสดงให้เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถพูดคุยและหาข้อสรุปร่วมกันได้ โดยไม่มีใครได้ทั้งหมดหรือเสียทุกอย่าง












