ผบ.ทร. เตรียมชงใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน ให้กลาโหมพิจารณา
ยืนยันทดแทนเครื่องยนต์เยอรมันได้ ใช้เวลาติดตั้ง 3 ปี ประกันฯ 8 ปี ชี้หากยกเลิกโครงการจะเสียเวลาตั้งงบเพิ่ม
พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการตัดสินใจที่จะใช้เครื่องยนต์ CHD 620 ของจีนมาใส่ในเรือดำน้ำไทย ว่ากองทัพเรือจะตรวจสอบข้อเสนอของจีนในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนกำเนิดไฟฟ้าจากของเยอรมันไปเป็นของจีน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาได้ตรวจสอบข้อมูลที่จีนนำเสนอ รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลและเครื่องยนต์ และได้มีการยื่นข้อเสนอในการรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าว โดยกองทัพเรือจีนได้เสนอมาที่กองทัพเรือไทยเรียบร้อยแล้ว และเสนอข้อพิจารณาแก้ไขข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อขยายระยะเวลาสร้างเรือดำน้ำออกไปอีกหากมีการแก้ไขข้อตกลง
พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะกรรมการบริหารโครงการเรือดำน้ำ เสนอเรื่องมาที่กองทัพเรือและอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวข้อง เมื่อพิจารณาเสร็จจะนำเสนอรัฐบาล โดยภาพรวมกองทัพเรือเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่ได้รับรวมถึงการตรวจสอบเครื่องยนต์ของจีนสามารถใช้ทดแทนเครื่องยนต์ของเยอรมันได้ ซึ่งทางจีนได้แจ้งการรับประกันเพิ่มเติม จากข้อตกลงเดิมเป็นรับประกันชิ้นส่วนของเรือดำน้ำภายหลังส่งมอบเป็นระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ ทางการจีนจะพิจารณาให้การสนับสนุนรับประกันเครื่องยนต์ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 8 ปี พร้อมอะไหล่ และเจ้าหน้าที่มาดูแลเครื่องยนต์ที่ประเทศไทย รวมถึงการซ่อมบำรุงในช่วงของ 8 ปี เพราะเป็นระยะเวลาในการอัพเกรดเรือดำน้ำตามช่วงระยะเวลา เป็นข้อมูลที่กองทัพเรือจะสรุปและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
สำหรับความจำเป็นที่ต้องมีเรือดำน้ำ กองทัพเรือยังยืนยันว่าตามยุทธศาสตร์และสภาวะแวดล้อมของโลก จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำในการรักษาสมดุลของความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค ทั้งนี้การตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อโครงการหรือไม่ เป็นเรื่องที่ รัฐมนตรีกลาโหมต้องพิจารณาและนำเสนอรัฐบาลต่อไป
กรณีที่นายกฯ มีความคิดจะเจรจากับเยอรมัน เพื่อขอใช้เครื่องยนต์เยอรมัน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า กองทัพเรือเคยเจรจากับทางการเยอรมันตั้งแต่ทราบปัญหา ซึ่งผู้ช่วยทูตทหารเยอรมันและเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทยได้แจ้งว่า ทางเยอรมันไม่สามารถขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำตามกฎห้ามการส่งออกกรณีที่สามารถนำไปใช้เป็นอาวุธสงครามให้กับทางการจีนได้ อีกทั้งกองเรือทราบข้อมูลจากกองทัพเรือจีนว่า เยอรมันก็ไม่ส่งออกเครื่องยนต์ของเยอรมันเพื่อติดตั้งในเรือน้ำที่จีนต่อเองด้วย จีนจึงต้องผลิตเครื่องยนต์เพื่อใช้เองในปัจจุบันและอนาคต
เมื่อถามว่าข้อมูลตรงนี้ได้แจ้งให้รัฐมนตรีกลาโหมรับทราบแล้วหรือไม่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในข้อพิจารณาเพื่อเสนอกับรัฐมนตรีกลาโหมทั้งหมด และกลาโหมจะเป็นผู้พิจารณาข้อเสนอของกองทัพเรือ ส่วนคำถามที่ว่าจุดยืนของกองทัพเรือ คือพร้อมและเต็มใจ สบายใจที่จะใช้เครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน ตนยืนยันว่าได้มีการตรวจสอบเครื่องยนต์ของจีนแล้ว ซึ่งมีคุณสมบัติ และขีดความสามารถเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ของเยอรมัน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยกับข้อมูลการใช้งานทางด้านยุทธการ สามารถใช้ทดแทนกันได้
นอกจากนี้ พล.ร.อ.เชิงชาย ยังยืนยันว่าเรื่องที่ส่งไปจะเป็นข้อมูลให้ทางรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งตามข้อตกลงถ้ามีการแก้ไขจะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างเรือดำน้ำเพิ่มเติมอีกประมาณเกือบ 3 ปี เพราะต้องอยู่ในขั้นตอนการผลิตเครื่องยนต์ก่อน แล้วมาติดตั้งกับเรือดำน้ำที่มีการต่อไว้แล้วในระดับหนึ่ง ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้เรียนให้นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบแล้ว และยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องที่จะยกเลิกหรือแก้ไขสัญญาหรือไม่ ต้องรอให้รัฐมนตรีรับข้อมูลแล้วไปพิจารณาอีกที
เมื่อถามว่ากองทัพเรือจะส่งข้อมูลให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมได้เมื่อไหร่ พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายอำนวยการกำลังพิจารณา และพยายามเร่งรัดเรื่องเพื่อเสนอไปที่กระทรวงกลาโหมให้ทันในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ โดยจะพยายามเร่งให้ทันภายในสัปดาห์หน้า
พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการตรวจสอบข้อมูลว่าตามที่ทางการจีนเสนอเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเยอรมันเป็นของจีนจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งได้พิสูจน์และตรวจสอบข้อมูลแล้วว่า สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยไม่ทำให้เสียคุณค่าทางยุทธการ และความปลอดภัย อีกทั้งกองทัพเรือจีนรับประกันว่าเครื่องยนต์ดังกล่าวสามารถติดตั้งกับเรือดำน้ำน้ำไทยได้ ซึ่งเรือดำน้ำที่ปากีสถานต่อกับจีน 8 ลำ ปัจจุบันก็เดินหน้าผลิตเครื่องยนต์เพื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คิกเห็นอย่างไรต่อท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ดูเหมือนอยากได้เรือดำน้ำของเยอรมัน พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวว่า ต้องพิจารณาภายหลังจากที่รัฐบาลพิจารณาแล้วว่าจะเดินหน้าต่อหรือจะเปลี่ยนเป็นโครงการอื่น แต่ การเริ่มต้นโครงการใหม่ ปัญหาคือเรื่องงบประมาณ เพราะการจัดหาเรือดำน้ำเป็นลักษณะจัดหาแบบแพ็กเกจ ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ซึ่งการตั้งโครงการเรือดำน้ำเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่าโครงการ 36,000 ล้านบาท เป็นเรือดำน้ำมาตรฐาน และปัจจุบันราคาน่าจะสูงขึ้นกว่าในอดีต เกรงว่างบเสริมสร้างกองทัพเรืออาจจะไม่เพียงพอ