‘สว.สมชาย’ อยากเห็น ‘เศรษฐา’ แก้ข้อกล่าวหา ‘ชูวิทย์’ เชื่อ จะเป็นผลดีต่อการตัดสินใจของ สว.
‘สว.สมชาย’ อยากเห็น ‘เศรษฐา’ แถลงโต้แก้ข้อกล่าวหา ‘ชูวิทย์’ เชื่อเป็นผลดีต่อการตัดสินใจของ สว. ยอมรับประเด็น ‘ฉ้อราษฎร์บังหลวง’ เป็นเรื่องสำคัญ กังวลเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เปลืองงบประมาณ ขอความชัดเจนนโยบายพรรคร่วม จับตาแถลงบ่ายนี้
วันนี้ (21 ส.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ระบุว่า ตนเองขอรอฟังว่าผู้ถูกเสนอชื่อมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ เพราะ สว. ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 แล้วถ้าให้ดี ในวันนี้นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกเสนอชื่อ แถลงข่าวร่วมกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยก็จะดี เหมือนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เคยแถลงข่าวด้วยตัวเอง ประชาชนและสังคมจะได้รู้ เพราะข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ก็รุนแรง ซึ่ง สว.ต้องรับฟังหมด ไม่ได้หมายความว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่การแถลงข้อมูลให้กับ สว. และประชาชนเป็นเรื่องจำเป็นต้องอธิบายว่าอะไรจะเป็นคุณสมบัติ
นายสมชาย มองว่า การพิจารณาจะมองใน 2 ส่วน ทั้งปัญหาเรื่องซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ และมีวิสัยทัศน์อย่างไร ดังนั้นหากตกข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่โหวตให้ แต่หาก นายเศรษฐา สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหาและอธิบายได้ในเรื่องที่คุณชูวิทย์กล่าวหา เรื่องบริษัทนอมินี โดยเฉพาะ รปภ.กับแม่บ้าน เป็นผู้ซื้อที่ดินมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านบาท ที่ทองหล่อ เห็นเพียงแค่ที่เขาแถลง แต่ยังไม่เห็นหลักฐานโต้แย้งที่ชัดเจนเรื่องนี้ เพราะผู้นำจะต้องไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง หากมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนคือการฉ้อราษฎร์ การบังหลวงคือการเอาทรัพย์สินหรือได้ประโยชน์จากรัฐการทุจริตใดๆ ก็ตามหรือการหนีภาษี จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
“หากชี้แจงได้ สว.ก็ให้ผ่าน หากชี้แจงไม่ได้ก็ไม่ให้ผ่าน ส่วนที่เหลือก็อยากให้ดูองค์ประกอบอื่นด้วย ต้องรอดูว่าตอนแถลงข่าวจะมีพรรคใดมาร่วมบ้าง ที่สำคัญคือตอนนโยบายร่วมของแต่ละพรรคที่ประชาชนอยากรู้ ทั้งนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคมประชานิยม หาเสียงไว้คนละแบบ จะหลอมรวมอย่างไร เพื่อประเทศชาติ ความมั่นคงของรัฐ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” นายสมชาย กล่าว
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังแสดงความกังวลให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องมีคำตอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากจะปรับปรุงแก้ไขสามารถทำได้และประหยัดเงินงบประมาณด้วย ไม่ต้องทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณ และอาจกระทบต่อสถาบันหลักในหมวด 1 หมวด 2 ต้องมีการวางกรอบชัดเจน
ส่วนเรื่องนายทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทย กลับสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่ตนเห็นด้วย หากนายทักษิณเข้าสู่ระบบราชทัณฑ์ไปรับโทษแล้วจะเข้าเกณฑ์รับพระราชทานอภัยโทษอย่างไร เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่สังคมรู้สึกว่าเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่คนหนึ่งต้องรับโทษ อีกคนนึงไม่ต้องรับ และคิดว่าหากทุกอย่างจะเดินหน้าได้ สนับสนุนให้นายทักษิณเดินทางปลอดภัยเผื่อจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีผลอะไรต่อการโหวตนายกฯ เพราะในสภาก็ว่ากันไป หากนายทักษิณยอมเข้ากระบวนการ ทุกอย่างก็ประนีประนอม สลายขั้วอย่างแท้จริง












