POLITICS

‘สรวงศ์’ เคาะไทม์ไลน์ 8 ขั้นตอน ปักหมุดกระเช้าภูกระดึง เน้น โปร่งใส-ยั่งยืน

วันนี้ (21 พ.ค. 68) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดแผนการดำเนินงาน 8 ขั้นตอน สำหรับโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยเน้นย้ำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง บนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าโครงการจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมี นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ร่วมแถลงในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักด้านการออกแบบและก่อสร้าง

นายสรวงศ์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ภายใต้แนวทาง “การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” ซึ่งมุ่งเน้นการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า การเข้าถึงธรรมชาติถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 27 ทั้งนี้ การออกแบบกระเช้าไฟฟ้าไม่ได้คำนึงเพียงการอำนวยความสะดวก แต่ยังเป็นเครื่องมือของการอนุรักษ์ ที่จะช่วยลดการเดินเท้าในเขตเปราะบาง ลดการพักแรมบนภู ลดปริมาณขยะ ลดภาระของเจ้าหน้าที่ และลดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ เป็นการเข้าถึงโดยไม่สัมผัสโดยตรง และเป็นการอนุรักษ์ภูกระดึงด้วยเทคโนโลยีที่เคารพธรรมชาติ

นายสรวงศ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของโครงการคือสิ่งแวดล้อมต้องมาก่อน โดยพื้นที่โครงการส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ โครงการนี้จึงต้องผ่านการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA อย่างเข้มข้น และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายหรือกฎระเบียบทุกประการ ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม กายภาพ สังคม สุขภาพ และชุมชน พร้อมทั้งจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้โครงการเกิดขึ้นอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วม การออกแบบจะยึดแนวคิดการแทรกแซงน้อยที่สุด หรือ Minimum Intervention โดยเลือกสถานีและเส้นทางกระเช้าให้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด และเมื่อกระเช้าพร้อมใช้งาน คาดว่าแนวโน้มการพักแรมบนยอดภูจะลดลง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในระยะยาว รวมถึงปริมาณขยะตกค้างที่มีแนวโน้มลดลงด้วย

สำหรับประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความปลอดภัยนั้น กระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงจะช่วยกระจายรายได้จากยอดภูสู่ชุมชนตีนภู เนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชื่นชมธรรมชาติบนยอดภูและลงมาที่ตีนภูได้ในวันเดียวกัน สร้างโอกาสให้ชุมชนโดยรอบตีนภูในการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว เช่น ที่พัก ร้านอาหาร หรือกิจกรรมท่องเที่ยวท้องถิ่น อพท. ยังมีแผนดูแลกลุ่มลูกหาบโดยจัดสรรพื้นที่พาณิชย์ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม นอกจากนี้ กระเช้าไฟฟ้ายังสามารถใช้เป็นเส้นทางช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน ทั้งสำหรับนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ และสัตว์ป่า เช่น การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บลงจากภู การลำเลียงอุปกรณ์ดับไฟป่า หรือการช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บจากกับดัก ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานนี้สามารถลดความสูญเสียได้อย่างมีนัยสำคัญ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบหมายให้ อพท. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในทุกขั้นตอน รวมถึงทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการไม่เพียงถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังได้รับความเข้าใจและความร่วมมือจากคนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ด้านแผนการออกแบบและก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการ อพท. และนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการ อพท. เปิดเผยว่ามีขั้นตอนหลัก 8 ขั้นตอน ใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 2 ปี 6 เดือน นับจากเดือนพฤษภาคม 2568 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2570 ขณะนี้ อพท. ได้วางกรอบการดำเนินงานไว้อย่างรอบคอบ ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้กฎหมายและกลไกการกลั่นกรองที่ชัดเจน

ระยะที่ 1 ประกอบด้วยขั้นตอนที่ 1 ถึง 3 ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 10 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 ถึงมีนาคม 2569 จะเป็นการจัดทำรายงาน EIA อย่างละเอียด โดยศึกษาครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม กายภาพ สังคม สุขภาพ และวิถีชุมชน พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และภาคประชาสังคมอย่างเต็มที่

ระยะที่ 2 ครอบคลุมขั้นตอนที่ 4 ถึง 6 คาดว่าใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5 เดือน ระหว่างเดือนเมษายน ถึงสิงหาคม 2569 เป็นกระบวนการยื่นเสนอรายงาน EIA ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ หรือ คชก. และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หรือ กก.วล. ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเป็นอิสระและเป็นกลาง ก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี รวมถึงขออนุญาตก่อสร้างต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ระยะที่ 3 คือขั้นตอนที่ 7 และ 8 ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 15 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2569 ถึงพฤศจิกายน 2570 เป็นขั้นตอนการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน

ท้ายที่สุด นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เน้นย้ำว่าโครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงไม่ใช่เพียงเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่ต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ ให้โอกาสกับผู้คน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นไปพร้อมกัน โครงการนี้ไม่ใช่เพียงของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือของรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นโครงการของสังคมไทยทั้งประเทศ ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อธรรมชาติ ซึ่งทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการดูแลและเข้าถึงได้ และจะใช้การบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟู อนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติ และกระจายประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป

Related Posts

Send this to a friend