POLITICS

‘สุทิน’ จม ’เรือดำน้ำ‘ เสนอ ซื้อเรือฟริเกต ทดแทน หวั่นถูกฟ้อง

‘สุทิน’ จม ’เรือดำน้ำ‘ เสนอ ซื้อเรือฟริเกต ทดแทน หวั่นถูกฟ้อง รับฟังกระแสสังคม รอให้พร้อมค่อยจัดหา ยันไม่เกี่ยวนโยบาย ’เพื่อไทย‘ จ้องล้มโครงการนี้ เผย จีน รับหลักการ แต่ไม่ 100%

วันนี้ (20 ต.ค. 66) ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมกองทัพเรือว่า มาตรวจเยี่ยมตามธรรมเนียมปฏิบัติ ได้รับการตอบรับที่อบอุ่น เหมาะสม และได้มารับทราบภารกิจของกองทัพเรือหลายอย่าง นอกจากนี้ยังทราบว่ากองทัพเรือได้นำนโยบายของรัฐบาลมาปฏิบัติ คืบหน้าไปไกลแล้ว ก็ได้ชื่นชม และขอบคุณกองทัพเรือ หลายเรื่องกองทัพก็ทำอยู่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังระบุว่า ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำที่ขาดเครื่องยนต์นั้น อย่างที่ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทางเราเองพยายามแก้ปัญหาร่วมกันมาโดยตลอด ทางกระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ และรัฐบาล พยายามแก้ไขปัญหามา สิ่งที่เราอยากได้คือเครื่องยนต์ตามข้อตกลงเดิม ซึ่งกองทัพเรือ ในยุค ผบ.ทร.คนก่อน ทำสุดกำลังแล้ว ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อไม่ได้ ก็มาคุยกัน กองทัพเรือพยายามจะหาทางออกและได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าและรับเครื่องยนต์ของจีน และได้ทำบันทึกเสนอมาที่กระทรวงกลาโหม

ระหว่างนั้นทางเราได้พยายามศึกษาหาความรู้และหารือกันว่า จะทบทวนแนวทางใหม่ โดยยึดหลักว่า 1. กองทัพเรือต้องไม่สูญเสียโอกาส คือความเข้มแข็งที่กองทัพเรืออยากได้ ด้วยการมีเรือดำน้ำ 2.สังคมต้องพึงพอใจกับกองทัพและรัฐบาล เม็ดเงินก็ต้องใช้อย่างคุ้มค่า 3.ผู้บริหารทั้งฝ่ายการเมือง และระดับกองทัพ ต้องสามารถอธิบายได้ และไม่เป็นที่ครหานินทาของสังคม

“ช่วงก่อนหน้านั้น ผบ.ทร.คนก่อนและคณะผู้บริหารระดับสูงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าตามหลักตามแนวทางเดิน และพยายามที่จะอธิบายกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ พูดง่ายๆ คือท่านไม่ยอมง่ายๆ แต่ในเมื่อเรามาพูดถึงเหตุผลทุกอย่างแล้ว กองทัพเรือก็ต้องยอมรับ และได้เสนอมา 2 แนวทาง”

นายสุทินกล่าวว่า กองทัพเรือได้ขอให้รัฐบาลพยายามเพื่อให้ได้เครื่องยนต์เรือดำน้ำ ท่านนายกฯ ก็รับปาก และเดินทางไปเจรจาแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล จึงมาสู่แนวทางว่าถ้าไม่สามารถที่จะได้เครื่องยนต์ตามข้อตกลง ตามสเปคแล้ว กองทัพเรือ ขอ 2 แนวทางที่หนึ่ง คือขอเปลี่ยนรายการ ไม่เอาเรือดำน้ำ ขอเป็นเรือฟริเกต 3 ระบบ สามารถต่อสู้ทางอากาศ ผิวน้ำ และใต้น้ำ ได้

ส่วนราคาก็จะประมาณเทียบเท่าเรือดำน้ำ แนวทางที่สองทาง ถ้าไม่ได้เรือฟริเกต ขอเป็นเรือ OPV หรือ เรือตรวจการณ์ระยะไกลทดแทน ซึ่งแม้กองทัพมุ่งมั่นอยากได้เรือดำน้ำ แต่กองทัพก็ยินดีที่จะสนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งตนเองและรัฐบาลพิจารณาแล้วว่า ขอเลือกแนวทางแรกคือเรือฟริเกต ซึ่งมีราคาสูงกว่าเรือดำน้ำประมาณ 1,000 ล้านบาท

สำหรับสมรรถนะรัฐบาลเห็นว่าเมื่อได้เรือฟริเกตมาเราก็สามารถปราบเรือดำน้ำได้ สมรรถนะของกองทัพเรือไม่เสียหายมาก แต่ยอมรับว่าหย่อนลงไปกว่าการมีเรือดำน้ำนิดหนึ่ง ซึ่งกองทัพเรือสามารถรับได้

นายสุทินยังกล่าวต่ออีกว่าในระหว่างการเดินทางไปประเทศจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำเรื่องดังกล่าวไปคุยกับรัฐบาลจีน แต่ยังไม่จบ 100% เพราะยังมีรายละเอียดต้องพูดคุย แต่ได้ข้อสรุปมาว่าทางการจีนเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เป็นความลำบากใจของไทย แต่จีนขอความเห็นใจเช่นกันว่าเขาก็ถูกเบี้ยว เราก็ถูกเบี้ยว ดังนั้นต่างคนต่างเห็นใจกัน และยินดีที่จะหาทางออกให้ ซึ่งจีนรับแนวทางที่เราเสนอไปพิจารณา

อย่างไรก็ตามยังต้องไปคุยกันในรายละเอียดอีกครั้ง แต่ในหลักการยอมรับ ซึ่งการเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต ต้อง มีรายละเอียดที่ต้องพูดคุย เช่น เงินที่จ่ายไปแล้วจะทำอย่างไร หรือเรื่องเทคโนโลยี รวมทั้งข้อกฎหมายที่ต้องคุยกันต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตทจีนใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่าทางเราเสนอไปว่าขอเป็นเรือฟริเกต แต่โครงการเรือดำน้ำก็ยังไม่ยกเลิก ไม่พับ ไม่ระงับ โดยให้ชะลอไประยะหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ให้เสร็จ เมื่อได้เรือฟริเกตแล้วนำมาบวกกับเรือฟริเกตเดิมที่มีโครงการจัดหา ส่วนเรือดำน้ำก็เดินหน้าต่อไป วันใดที่ประเทศมีความพร้อมก็กลับมาทำเรื่องนี้ต่อ

เมื่อถามย้ำว่าเราเลิกสัญญาเรือดำน้ำกับจีนหรือไม่ นายสุทินย้ำว่าไม่ใช่การยกเลิกสัญญา แต่เป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใหม่ คือภายใต้สัญญา และภายใต้ข้อตกลงเดิม แบบจีทูจี ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน

ถ้าบรรลุข้อตกลงได้ก็คือให้ระงับการสั่งซื้อเรือดำน้ำ แล้วมาเขียนข้อตกลงขึ้นใหม่ว่าจะซื้อเรือฟริเกตแทน ส่วนเรือดำน้ำก็เป็นความรับผิดชอบของจีนที่จะนำไปทำอะไรก็แล้วแต่ ส่วนเงินที่ไทยจ่ายไปแล้ว ไทยเสนอว่าขอให้เคลมไปเป็นค่าเรือฟริเกต ราว 7 พันล้านบาท เมื่อหักลบกับที่ยังไม่ได้จ่าย อีก 6,000 ล้านบาท ไทยอาจจะต้องเพิ่มเงินอีก 1,000 ล้านบาท

ส่วนราคารวมของเรือฟริเกตลำใหม่นี้ ทางจีนยังไม่ได้พูดเรื่องราคา แต่จากการศึกษาราคาจะอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาทซึ่งก็ใกล้เคียงกันกับเรือดำน้ำ

ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่ามีโอกาสหรือไม่ที่จะเปลี่ยน ไปซื้อเรือดำน้ำจากเจ้าอื่นที่ไม่ใช่จีน ในเมื่อชะลอและระงับไปแล้ว นายสุทินกล่าวว่ามันก็จะยุ่งยาก เพราะเป็นข้อตกลง และเงินก็จ่ายไปแล้ว ถ้าจะไปเอาเจ้าอื่นก็คงเป็นการสั่งซื้อรอบใหม่

สำหรับเรื่องดังกล่าวจะมีการพูดคุยกับทางจีนอีกครั้งเร็วๆ นี้ คาดว่าประมาณเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่จะครบสัญญา ประมาณ 1-2 สัปดาห์โดยเราจะส่งคณะทำงานไปเจรจา

นายสุทิน ยอมรับว่าประธานาธิบดีจีน และนายกรัฐมนตรีจีน โอเคในหลักการนี้แล้วว่าจะหาทางออกร่วมกัน ส่วนเรื่องเรือดำน้ำของกองทัพเรือเรายังไม่ได้ระงับ แต่สำหรับลำนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก ส่วนเรือดำน้ำลำใหม่จะเป็นของจีนเหมือนเดิมหรือเป็นของประเทศอื่นนั้นยังไม่มีความชัดเจน และการจัดหาใหม่อาจจะทันในสมัยตนโดยจัดหาภายใน 4 ปี

“ชะลอโครงการไปก่อนแต่ไม่ใช่ระงับ และให้กองทัพเรือศึกษาเรื่องนี้ต่อไป ว่าจะเอาของประเทศใด ” นายสุทินกล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่ามีอะไรรับประกันว่ากองทัพเรือจะได้เรือดำน้ำ นายสุทินกล่าวว่า หลักประกันก็คือนโยบายของรัฐบาล ส่วนที่เคยพยายามมาหลายรอบแล้วแต่ไม่สำเร็จนั้น ไม่ได้เกิดจากที่รัฐบาลไม่อนุมัติให้ แต่เกิดจากข้อผิดพลาดของฝ่ายอื่นๆ ที่ทำให้เราเดินไปไม่ถึงจุดหมาย สวนทางจีนก็แสดงความเห็นใจคือรับผิดชอบหาทางออกให้ ได้รับสิ่งทดแทน ซึ่งการจัดซื้อโครงการนี้เป็นแบบจีทูจี หากทำตามสัญญาไม่ได้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากองทัพเรือซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ รับได้ในเครื่องรถยนต์จีน แต่ทำไมระดับรัฐบาลจึงรับไม่ได้ นายสุทินย้อนถามกลับว่าแล้วสังคมรับได้หรือไม่ เราต้องดูสังคมด้วย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำต่อไปว่าหากฟังกระแสสังคมมากจนเกินไปจะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เราไม่ได้เอาเรื่องสังคมไปเป็นประเด็นหลัก แต่เรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ทางกองทัพเรือเองก็กังวล เพราะเครื่องยนต์จีนเราไม่เคยใช้ ที่อื่นก็ไม่เคยใช้ และยอมรับว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมายด้วยที่ปฏิบัติยาก

“ถ้ารับเครื่องยนต์จีนมาใครจะรับประกันหากเรื่องถึงศาล จะมีเรื่องตามมาอีกเยอะ กองทัพหรือรัฐบาลอาจจะโดน ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นแก่ตัว กลัวโดนหลอก แต่จะยุ่งยากทางกฎหมายไทยไม่น้อย จะนำมาซึ่งความแตกแยกหรือเกิดการเมืองอะไรไปอีก กระทบอีกเยอะ”

เมื่อถามว่าเป็นเพราะรัฐบาลเพื่อไทยเคยประกาศว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะล้มโครงการนี้นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ เพราะหากจีนสามารถหาเครื่องยนต์เยอรมันมาใส่ให้ได้ เราก็ยังรอ แต่ถ้าไม่ได้ เราก็เอาเรือฟริเกต ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า “บิ๊กทินจมเรือดำน้ำใช่หรือไม่?” นายสุทิน หัวเราะพร้อมกับระบุว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เป็นความเห็นของทุกระดับ ซึ่งเราก็เห็นใจกองทัพเรือ และไม่คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอาถรรพ์ แต่เป็นเรื่องการดำเนินการยาก ไม่ง่ายเหมือนตอนซื้ออย่างอื่น

Related Posts

Send this to a friend