POLITICS

โฆษกรัฐบาล แจงดราม่านำบุตรสาวร่วมประชุม UNGA

ย้ำ ออกค่าใช้จ่ายเอง เผย ภารกิจแน่นเอี้ยด ดึงนักลงทุนให้ไทยได้ประโยชน์ จวกพวกตามจับผิด เป็นความเท็จทั้งหมด และเหตุกลับถึงไทยช้าเป็นเพราะเวลาที่ต่างกัน

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 เวลา 12.30 น. (เวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงภารกิจเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง ที่เกิดข่าวลือและการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เป็นความจริงในสังคมไทยว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ในการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจครั้งแรกที่ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ครั้งนี้ ถูกด้อยค่า และจับผิด จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดตลอดเวลา

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ภารกิจนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้มี 3 ด้านหลัก คือ 1.การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 UNGA78 ซึ่งมีประเด็นหลักเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ที่นายกรัฐมนตรียังเป็นเจ้าภาพการประชุมในกรอบของอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องดังกล่าว และยังจะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

ขณะที่ช่วงเย็นของวันที่ 19 กันยายน 2566 นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรอง ซึ่งประธานาธิบดีโจไบเดน ของสหรัฐฯ จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้าร่วมประชุม

นอกจากนี้การเดินทางครั้งนี้ยังมีกำหนดหารือทวิภาคีกับผู้นำโลก เช่น ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และเลขาธิการสหประชาชาติ UNSG รวมถึงประธาน FIFA และท่านนายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายที่จะแสวงหาโอกาสพัฒนาทีมฟุตบอลไทยในเวทีโลก รวมถึงการจัดการแข่งขันระดับโลกในประเทศไทย

“สิ่งที่สำคัญที่สุด นายกรัฐมนตรี เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และดึงการลงทุนจากต่างชาติให้ไหลเข้าประเทศไทย เนื่องจากในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา การลงทุนขนาดใหญ่แทบไม่เคยเกิดขึ้น ในครั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดพบผู้บริหารขนาดใหญ่ 8-9 บริษัท อาทิ Black Rock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเงินทุน 7 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราว 250 ล้านล้านบาท แค่เพียงบริษัทเดียวจะเห็นว่ามีเงินลงทุนมากขนาดไหน”

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังจะได้พบกับผู้บริหาร SpaceX ,Tesla , Google, GoldManSachs , CitiBank, J.P.Morgan และ estee Lauder ,Microsoft, บริษัทเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วมีเม็ดเงินลงทุนนับพันล้านบาท ซึ่งถือว่า เป็นเป้าหมายสำคัญในเรื่องเศรษฐกิจการเงินการลงทุน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังจะพบหารือกับทีมประเทศไทย ทีมีทูตพาณิชย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือสร้างโอกาสการค้าการลงทุนในประเทศไทย เพื่อให้ทิศทางว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าทางเศรษฐกิจอย่างไร และยังจะมีโอกาสพบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐฯ เพื่อรับฟังว่าคนไทยในสหรัฐฯ มีปัญหาอย่างไร และต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือในประเทศไทยทำอะไรบ้าง

กิจกรรมทั้งหมดอัดแน่นเพียงเวลา 3 วันกว่าเท่านั้น แต่ยังมีการจับผิดถึงภารกิจ ทั้งๆ ที่มีภารกิจอัดแน่นจนถึง 22.00 น.วันที่ 22 ก.ย.66 แต่ทำไมกลับถึงไทยในวันที่ 24 ก.ย.66

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพมายังนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ใช้เวลาเดินทางร่วม 20 ชั่วโมง และเวลาไทยก็เร็วกว่าเวลาในนิวยอร์ก 11 ชั่วโมง ดังนั้นเมื่อออกเดินทางจากนิวยอร์ก เวลา 22.00 น.วันที่ 22 ก.ย.66 ซึ่งในประเทศไทยเป็น 09.00 น.ของวันที่ 23 ก.ย.66 และการเดินทางกลับใช้เวลาประมาณ 20 ชม.ดังน้ัน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางถึงไทย เวลา 08.40 น.ของวันที่ 28 ก.ย.2566 จึงแปลได้ว่า การเอาเวลาไปตามจับผิด จึงเป็นความเท็จทั้งหมด

ส่วนกรณีเครื่องเช่าเหมาลำ นายชัย เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ซึ่งรับผิดชอบการบริหารจัดการเที่ยวบิน ได้ชี้แจงไปแล้ว กรณีว่าทำไมมีการนำผู้ไม่ใช่ข้าราชการการเมืองและข้าราชการการเมืองมาด้วยนั้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีความคิดก้าวหน้า ท่านมองว่าบุคคลใดก็ตามที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ หากเดินทางมาร่วมคณะ จะสามารถช่วยงานได้ จะเป็นประโยชน์กับประเทศ เพราะใครก็ตามที่สามารถเข้ามาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ขณะที่บางท่านเป็นคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี มาแต่ต้น บางท่านเพิ่งเข้ามา

ส่วนกรณีบุตรสาวของนายกรัฐมนตรี นั้น เดินทางมาด้วยการออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งวิธีการคำนวณนั้นมีอยู่แล้ว หารเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัว คิดเป็นเท่าไหร่ ก็จ่ายเป็นราคาเต็ม และรัฐบาลไทย ก็จ่ายน้อยลง นายชัย จึงยืนยันว่าการเดินทางมาสหรัฐฯ เพื่อร่วมประชุมของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ โปรแกรมแน่นเอี้ยด และประเทศไทยได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าอย่างแน่นอน

Related Posts

Send this to a friend