’ณัฐวุฒิ’ ชี้ คนที่ควรขาดจริยธรรมร้ายแรง คือคนปล่อยคลิป
’ณัฐวุฒิ’ ยัน นายกฯ เดินทางไปชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ปมคลิปเสียง ‘ฮุนเซน‘ ด้วยตัวเองพรุ่งนี้ เชื่อมั่นในเจตนาดี เพื่อรักษาชีวิตทหาร – ประชาชน – สันติภาพ ชี้ คนที่ควรขาดจริยธรรมร้ายแรง คือคนปล่อยคลิป ซัด หากนายกฯ หลุดจากตำแหน่ง ฝ่ายที่มองว่าทำสำเร็จ อาจเป็นฝ่ายที่จงใจปล่อยคลิป
วันนี้ (20 ส.ค. 68) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนและพิจารณาคดีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชานั้น เจ้าตัวจะเดินทางไปไต่สวนด้วยตัวเองหรือไม่ ว่า ทราบว่าท่านจะเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง และทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกำหนดนัดหมายที่ทราบจากสื่อมวลชน
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนเองก็ได้ให้กำลังใจถึง น.ส.แพทองธาร และมีความเชื่อมั่นในเจตนา และเนื้อหาสาระ รวมถึงวิธีการที่เกิดขึ้นในคลิปเสียงนั้นว่า เป็นความตั้งใจที่จะรักษาสันติภาพ ที่จะไม่ทำให้เหตุการณ์บานปลายจนเกิดเป็นปะทะและสูญเสีย แต่ทุกอย่างมันล้มลงเพราะมันมีการแอบอัดคลิป และปล่อยคลิปเสียงออกมา มันทำลายเจตนานั้นลงเสียสิ้น ด้วยเจตนาทางการเมืองของอีกฝ่ายหนึ่งที่จะต้องการทำลายเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย
“เรื่องคลิปเสียง ถ้าจะมีคนขาดจริยธรรมอย่างร้ายแรง น่าจะเป็นคนที่แอบบันทึกเสียงและเอามาเผยแพร่ และผลคดีนี้ก็จะส่งผล อยากมีนัยยะสำคัญกับสถานการณ์ของสองประเทศด้วย เพราะถ้าหากนายกแพทองธาร พ้นจากตำแหน่งไปด้วยเรื่องนี้ ผมว่าฝ่ายที่มองว่าเป็นความสำเร็จ อาจเป็นฝ่ายที่จงใจปล่อยคลิปเสียงมาหรือไม่ ก็ฝากสังคมพิจารณา ส่วนศาลจะชี้ขาดอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องน้อมรับ และเคารพแล้ว“ นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากำลังใจของ น.ส.แพทองธาร ยังดีอยู่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อตั้งต้นด้วยเจตนาดี เมื่อเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำเพื่อปกป้องชีวิตของทหาร ประชาชน ตลอดจนความปลอดภัยของทรัพย์สินของผืนแผ่นดิน ตนคิดว่าขวัญกำลังใจของนายกรัฐมนตรีในการจะชี้แจง และต่อสู้พิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ ก็ยังคงเต็มที่เหมือนเดิม และเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้การเดินทางไปให้คำชี้แจงที่ศาลรัฐธรรมนูญก็จะผ่านไปได้ด้วยดี
ส่วนที่มีการปล่อยข่าวเรื่องดีล 5:4 คดีอุ๊งอิ๊งค์ นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญก็มีกระบวนการพิจารณาของท่าน การไปสร้างกระแสนั้นตนมองว่าจะทำให้สังคมสับสน และเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับศาลขอให้รอฟังคำพิพากษาของศาล ส่วนจะเป็นเจตนาทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนมองว่า ใครก็ตามที่ปล่อยข่าววิพากษ์วิจารณ์ของศาลล่วงหน้า ไม่ใช่แค่คดีนี้ ก็เป็นเจตนาที่ไม่ดีเท่านั้น และเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ และไม่มีใครที่ไหนเขาทำ
สำหรับกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน บอกว่าหากคดีของคนตระกูลชินวัตรถูกตัดสินลง ความขัดแย้งภายในและนอกประเทศก็จะจบลงด้วยนั้น นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ก็เป็นความเห็นของนายจตุพร ซึ่งเขาอาจจะเชื่ออีกแบบหนึ่ง แต่ตนก็เชื่อในแบบของตนที่พูดไปแล้ว
ส่วนคดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่จะมีการตัดสินคดีในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนคงไม่ได้มาเพราะติดภารกิจอื่น แต่ก็ส่งกำลังใจให้นายทักษิณตลอดอยู่แล้ว ซึ่งตนมองว่าคดีของนายทักษิณนั้น ในการแจ้งความดำเนินคดี ม.112 หากดูตามเนื้อหาสาระ และองค์ประกอบของสถานการณ์ในเวลานั้น รวมถึงมูลเหตุที่นำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี เปิดตัวเห็นว่าเป็นกระบวนการทางการเมืองที่มุ่งจะใช้กฎหมายมาตรานี้เพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
ดังนั้น ไม่ใช่เฉพาะอดีตนายกฯ ทักษิณเพียงเท่านั้น แต่ใครก็ตามไม่ควรที่จะใช้กฎหมาย ม.112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนหรือเป็นโทษต่อฝ่ายตรงข้าม เพราะวิถีทางการเมือง ความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้จากเรื่องปกติ แต่ไม่ควรไปเชื่อมโยงอ้างอิงเอาสถาบันเบื้องสูงมาใช้ในเวทีความขัดแย้งทางการเมือง












