ศาลนัดอ่านคำพิพากษา แกนนำ นปช. คดีขับไล่รัฐบาล ‘อภิสิทธิ์‘
ศาลนัดอ่านคำพิพากษา แกนนำ นปช. คดีขับไล่รัฐบาล ‘อภิสิทธิ์‘ ด้าน ‘จตุพร’ น้อมรับคำตัดสินศาล ยัน แม้จะอยู่คนละขั้วกับแกนนำเดิม ก็ไม่เป็นไร ชี้ หากไม่เป็นคุณ กลุ่มหลอมรวมยังคงเดินหน้าต่อ
วันนี้ (20 ส.ค. 68) เวลา 09:00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อความไม่สงบ หมายเลขดำ อ.968/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายวีระกานต์ หรือวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. พร้อมแกนนำ นปช. คนอื่นๆ รวม 10 คนเป็นจำเลย 1-10 ในความผิด ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป สร้างความกระด้างกระเดื่องก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ,ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 กรณีจำเลยร่วมกันชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และมีผู้ชุมนุมบางส่วนบุกไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ในขณะนั้น
สำหรับจำเลยคดีนี้ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จำเลยที่ 1, นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จำเลยที่ 3, นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4, นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง จำเลยที่ 5, นายณรงศักดิ์ มณี จำเลยที่ 6, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลยที่ 7, นายพิพัฒน์ชัย หรือสมชาย ไพบูลย์ จำเลยที่ 8, นายพายัพ ปั้นเกตุ จำเลยที่ 9, นายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 10, นายอดิศร เพียงเกษ จำเลยที่ 11, นายพีระ พริ้งกลาง จำเลยที่ 12 และนายเมธี อมรวุฒิกุล จำเลยที่ 13
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตแกนนำ นปช. เปิดเผยว่า วันนี้ศาลได้นัดหมายให้กลุ่มแกนนำมาฟังคำพิพากษาคดี ซึ่งเป็นคดีเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา โดยผลสุดท้ายหากคำวินิจฉัยจะออกมาเป็นอย่างไรก็คงต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งก็พร้อมน้อมรับคำตัดสิน โดยขั้นตอนนี้ยังคงเป็นขั้นตอนของศาลชั้นต้น
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า วันนี้เป็นการกลับมาเจอกันกับกลุ่มแนวร่วมเดิมซึ่งขณะนี้มีการสลับขั้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง นายจตุพร เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ถือเป็นประวัติศาสตร์ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ โดยตลอดระยะเวลากว่า 16 ปีที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย แม้ว่าจะต้องมานั่งอยู่ข้างกับนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ก็มองว่าไม่เป็นไร เพราะว่าคดีนี้อยู่ในฐานะจำเลยเช่นเดียวกัน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยพูดคุยกับกลุ่มแกนนำคนอื่น ๆ ซึ่ง”ตนก็มีนิสัยเป็นอย่างนี้มีสันดานเป็นอย่างนี้”
นายจตุพร ยืนยันว่าวันนี้อย่างไรก็ต้องเจอแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ เพราะนั่งอยู่ในบัลลังก์เดียวกัน แต่ส่วนตัวมองว่าไม่มีอะไรที่จะต้องทะเลาะกันเป็นการส่วนตัว และมองว่าการพบเจอในวันนี้ ก็ไม่น่าจะส่งผลกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอนาคต และหากมีโอกาสตนก็จะไปใช้สิทธิ์ในฐานะพลเมือง
“ทุกเรื่องราวทุกความเป็นความตายเข้าคุกออกคุกมา 5 ครั้ง ไม่มีอะไรที่ไม่เคยผ่านมา มีเพียงแค่ความตายอย่างเดียวที่ยังไม่ตาย” นายจตุพร กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากคำตัดสินในวันนี้มีผล เป็นคุณกับกลุ่มแนวร่วมนปช. และตนเอง จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองรวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มหลอมรวมประชาชนหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า แม้ผลจะออกมาอย่างไรแต่กลุ่มหลอมรวมประชาชนก็มีคนอีกจำนวนมากซึ่งตนก็เป็นเพียงจิ๊กซอว์เล็กๆชิ้นหนึ่งในคณะ















