ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ขอรอ ‘พัชรวาท-ธรรมนัส’ เคลียร์ปม ที่ดิน สปก.เขาใหญ่
ยัน หากเป็นพื้นที่อุทยาน ชัยวัฒน์ มีอำนาจถอดหมุด ปัดมีใบสั่งการเมือง
นายจตุพร บุรพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน สปก.เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ว่า พลตำรวจเอกพัทรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติในประเด็นนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีแนวทางที่เรียกว่าวันแมพ คือการใช้แนวเขตที่ดินของรัฐมากำหนด และก่อนหน้านี้คือการนำแผนที่มาตราส่วนเดียวกันมาปรับให้เป็นแนวเขตเดียวกัน สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นที่เขาใหญ่ รอให้เจ้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งขณะนี้กำลังลงพื้นที่อยู่ได้ดำเนินการ
เมื่อถามว่าก่อนที่จะมีการปักหมุดต้องมีการหารือกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงทรัพย์ฯ ก่อนหรือไม่ นายจตุพร ระบุว่า ในส่วนของกระทรวงทรัพย์ฯ เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีอยู่แล้ว แต่การที่หน่วยงานไหนจะเข้ามา ต้องมาคุยกันก่อน เช่นแนวระดับจังหวัด หรือคณะกรรมการปฏิรูปจังหวัด แต่ส่วนนี้เป็นเรื่องของจังหวัดตนไม่ขอก้าวล่วง และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วต้องมาคุยกัน เพราะมีอยู่ 3 เรื่องที่ต้องทำ คือเรื่องข้อกฎหมาย/ ข้อเท็จจริง/ และวิทยาศาสตร์ คืิการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งเรามีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถอดหมุดสามารถทำได้หรือไม่ นายจตุพร ระบุว่าสิ่งใดก็ตามที่อยู่ในเขตอุทยาน หากเข้าไปบุกรุก สามารถดำเนินการได้ ซึ่งถือเป็นเหตุที่มีความละเอียดอ่อน โดยป่าสงวนจะเป็นไข่ขาว อุทยานคือไข่แดง แต่จะเข้าขอไปตรวจสอบในรายละเอียดหากนายชัยวัฒน์ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนยืนยันว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของนายชัยวัฒน์หากอยู่ในพื้นที่อุทยานก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ อีกทั้งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นมรดกโลก จึงต้องไปพิสูจน์ทราบ ว่าการที่เจ้าหน้าที่ไปปักหมุดสามารถทำได้เลยหรือไม่ และต้องไปดูขั้นตอนของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จะต้องเข้ามาอย่างไร ต้องไปดูภาพรวมทั้งหมด รายการที่จะเข้าไปปักแนวเขตอะไรก็แล้วแต่ มีระเบียบรองรับอยู่แล้ว ว่าจะต้องมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน ขั้นตอนละเอียดอยู่ และเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานที่จะหาข้อยุติในเรื่องนี้
เมื่อถามว่านายชัยวัฒน์ มีการตั้งข้อสังเกต ว่าการปักหมุดบริเวณดังกล่าว มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายจตุพร ระบุว่า ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะทุกฝ่ายก็ทำตามกฎหมายของตัวเอง อยากให้รอคณะกรรมการเข้ามาดู ซึ่งเป็นเรื่องแนวเขตที่เราเห็นอยู่แล้วว่ามีปัญหา จึงจำเป็นต้องมีวันอมพขึ้นมา ในการแก้ไขแนวเขตที่ดินของรัฐ ถ้านำที่ดินของรัฐในส่วนของราชการมาดู เป็นที่ดินเกินครึ่งหนึ่งของประเทศไทย ทุกฝ่ายมีมาตรฐานที่แตกต่างกันไป ที่เราเรียกว่าโฉนดที่ดิน 1 : 4000 ก็สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้หมด และเชื่อว่าไม่น่าจะมีเรื่องการเมืองมาอยู่เบื้องหลัง ส่วนจะมีใบสั่งให้ไปปักหมุดจุดนั้นหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันแผนที่ของตัวเอง ก็ต้องนำมาตรวจสอบ อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ถูก
ส่วนพื้นที่ที่ปักหมุดจะเตรียมแบ่งไว้ให้ประชาชนทำกินหรือไม่นั้นตนไม่ทราบเนื่องจากเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ แต่ยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างอุดมสมบูรณ์