‘สุดารัตน์’ พร้อมนั่งนายกฯ หากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ
‘สุดารัตน์’ พร้อมนั่งนายกฯ หากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นอำนาจ มองเกมตอนนี้ชิงเก้าอี้กันเอง เชื่อยังไงก็ไม่พ้น 3 ป. ด้าน ศิธา รับกังวลรัฐบาลได้เปรียบลงพื้นที่หาเสียง ช่วง 180 วันก่อนครบอายุสภา
วันนี้ (19 ก.ย. 65) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย หากมีการเสนอชื่อ หากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะพร้อมทำหน้าที่หรือไม่ ว่า สถานการณ์ขณะนี้เหมือนเป็นการแย่งอำนาจกัน และไม่คิดว่าจะถ่ายโอนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง และสุดท้ายจะมีกลไกให้ผู้มีอำนาจขณะนี้สืบทอดอำนาจต่อไป
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า สำหรับตนเองแม้มีชื่ออยู่ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ความมุ่งมั่นตอนนี้คือต้องการเป็นสะพานให้คนรุ่นใหม่มาสร้างประเทศร่วมกัน แม้ตำแหน่งนี้ตามหน้าที่และกฎหมายถอนออกไม่ได้ จึงต้องยืนยันเดินหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ในทางกฎหมายจะถอนชื่อไม่ได้ แต่ปฏิเสธที่จะไม่รับได้ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งดีกว่า”
เมื่อถามว่า ตอนนี้อ่านใจผู้มีอำนาจอย่างไรต่อการวางตัวนายกรัฐมนตรีต่อจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าวางตัวไว้อย่างไร แต่วันนี้ได้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และอาจจะมีพลเอกอื่นตามมาก็ได้
ขณะที่ นต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า สิ่งที่ผู้มีอำนาจวางไว้คงหนีไม่พ้น 3 ป. วันนี้ตัด 1 ป. ออกไป ยังเหลืออีก 2 ป. ดังนั้น สิ่งที่อยากได้คือตัวเองต้องต้องได้ขึ้นก่อน ถ้าไม่ได้ก็เป็น ป. ข้างๆ ถือว่ายังมีผลประโยชน์ร่วมกันได้ นี่คือสิ่งผู้มีอำนาจคิด ส่วนประชาชนและพรรคการเมืองอื่นจะคิดอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นต.ศิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่ 3 ป. แข่งขันกันลงพื้นที่หวังความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ ว่า วันนี้หากครบ 180 วันก่อนครบอายุสภา ที่จะตรงกับวันที่ 24 กันยายนนี้ กกต. ประกาศว่า พรรคการเมืองไม่สามารถลงพื้นที่แจกของประชาชนได้ แต่คนที่จะสามารถทำได้จะเหลือแค่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น และไม่ได้ใช้เงินตัวเอง แต่ใช้ภาษีอากรของประชาชน จึงขอให้เรื่องนี้ปฎิบัติโดยชอบธรรม หากรัฐบาลอยากช่วยเหลือก็ไม่ควรติดป้ายบ่งบอกว่าเป็นพรรคการเมือง สร้างความได้เปรียบกว่าพรรคการเมืองที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล
