‘ณัฐชา’ แนะรัฐแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ ควรมีแผนชัดเจน
อธิบดีกรมประมง เข้าชี้แจงสภาฯ ปมปลาหมอคางดำระบาด ด้าน ‘ณัฐชา’ แนะรัฐควรมีแผนชัดเจน ปล่อยปลานักล่า – รับซื้อ กิโลกรัมละ 15 บาท
วันนี้ (18 ก.ค. 67) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่าวันนี้นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง จะมาร่วมชี้แจงด้วย ซึ่งจะทราบรายละเอียดที่แน่ชัดว่าการนำเข้าปลาหมอคางดำตั้งแต่ปี 2553 และข้อมูลที่บริษัทเอกชนชี้แจงนั้นเป็นอย่างไร รวมทั้งการโต้กันไปมาระหว่างกรมประมงและบริษัทเอกชนถึงเรื่องการได้รับซากปลา 50 ตัว ซึ่งตนเองเห็นว่าหากบริษัทเอกชนยืนยันว่าได้ส่งแล้วก็อยากจะให้นำเอกสารส่วมอบต้นฉบับมามอบให้กับกรมประมง ส่วนกรมประมงที่ยืนยันว่าไม่ได้รับก็คงไม่มีเอกสารตัวนั้นอยู่แล้ว
ส่วนที่บริษัทเอกชนออกมาตั้งคำถามว่า 14 ปีที่ผ่านมา เหตุใดถึงเพิ่งจะมีหมอคางดำมาระบาด น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ความจริงคือระบาดมาทั้งหมด 14 ปีแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มีการประทุมากยิ่งขึ้น จาก 5 จังหวัดเป็น 10 จังหวัด เป็น 16 จังหวัด ซึ่งการที่เอกชนชี้แจงว่าปลา 2,000 ตัว เหลือเพียง 600 ตัว และทยอยตายนั้น วันนี้ตนเองไม่เห็นซากปลา มีแต่เพียงตัวอักษรที่บริษัทพิมพ์ส่งมาให้ ส่วนที่บอกว่าบริษัทเอกชนรายใหญ่ทำถูกกฎหมายการนำเข้า แต่อาจมีบริษัทอื่นลักลอบทำเป็นการกล่าวอ้างที่ใครก็สร้างได้ ซึ่งวันนี้เมื่อเรื่องเกิดแล้วก็ต้องดูตามข้อสันนิษฐานตามข้อเท็จจริงที่มี เป็นสิ่งที่กรมประมงชี้แจงว่าตั้งแต่ปี 2553 มีการอนุญาตให้กับบริษัทเอกชนรายนี้เพียงรายเดียว
ขณะที่การรับซื้อปลาหมอคางดำของภาครัฐ ยังเป็นข้อกังวลอยู่ แม้ว่าจะเร่งดำเนินการทุกด้านแต่ก็ไม่ควรที่จะลืมเรื่องการวางแผน เพราะที่ตนเองทราบมา จะมีการปล่อยปลากระพงขาว 90,000 ตัว ไปล่าปลาหมอคางดำ พร้อมอนุญาตให้ชาวบ้านเร่งจับปลาหมอคางดำด้วย จะจับถูกปลาหรือไม่ เรื่องนี้ควรมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าจะต้องเร่งจับปลาช่วงใด และปล่อยปลากะพงช่วงใด
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาแถลงว่าจะจัดการอย่างจริงจัง จึงคิดว่าควรมีการขยับที่มากขึ้น เพราะคณะอนุกรรมธิการฯ ทำได้เพียงศึกษา หางานวิจัยและต้นตอของเรื่องนี้ ย้ำว่าเราไม่สามารถส่งต่อระบบนิเวศที่บกพร่องให้คนรุ่นต่อไป และอาจจะทำให้คนรุ่นหลังได้เห็นภาพปลาท้องถิ่นในหนังสือก็เป็นได้ คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่กรมใดกรมหนึ่ง ทั้งนี้อำนาจในการดำเนินคดี และบังคับใช้กฎหมายก็ต้องอยู่กับภาครัฐที่จะต้องทำ