POLITICS

นายกฯ เปิดรายละเอียดแบ่งงบ 68 ตามกลุ่มงบประมาณ พร้อม 6 ยุทธศาสตร์ มั่นใจ เป็นไปตามกรอบกฎหมาย

วันนี้ (19 มิ.ย. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่สอง สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ทำหน้าที่เป็นประธานสภาเป็นประธานการประชุม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสาระสำคัญของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,752,700 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 2,704,574.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 72.1 รายจ่ายลงทุน จำนวน 908,224 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24.2 ซึ่งเป็นสัดส่วนการลงทุนที่สูงที่สุดในรอบ 17 ปี และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 150,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.0 ทั้งนี้ รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้เป็นรายจ่ายลงทุนกรณีการกู้เพื่อการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 10,198.7 ล้านบาท

1.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำแนกตามกลุ่มงบประมาณ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง, งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ, งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ, งบประมาณรายจ่ายบุคลากร, งบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน, งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ

2.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณกำหนดไว้จำนวน 6 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ ดังนี้

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านความมั่นคง รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายจำนวน 405,412.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.8 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อพัฒนาความมั่นคงของประเทศ จำแนกตามแผนงาน ได้แก่ การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด, การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้, การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ, การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง, การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ, การรักษาความสงบภายในประเทศ, การพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ และความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติและการดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น

ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 398,185.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.6 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน ผลักดันการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ, การพัฒนาความมั่นคงทางพลังงาน, การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล, การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง แข่งขันได้, เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก, การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต, การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว, การพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ, การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม, การพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และการสนับสนุนด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน, การเกษตรสร้างมูลค่า, การพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ และการดำเนินงานภารกิจพื้นฐาน

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 583,023.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.5 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ปฏิรูประบบการศึกษาและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ ได้แก่ การเสริมสร้างศักยภาพการกีฬา, การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม, การพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้, การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต, การเสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี และการดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น

ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 923,851.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24.6 ของวงเงินงบประมาณ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย, การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน, การพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก, การเสริมสร้างพลังทางสังคม, การสนับสนุนด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม, การส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ, มาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม, การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา, การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, การสร้างหลักประกันทางสังคม และการดำเนินภารกิจพื้นฐาน

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 137,291.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.7 ของวงเงินงบประมาณ เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน และสร้างการเติบโตบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว โดยจำแนกตามแผนงาน ได้แก่ การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล, การจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม, การจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ, การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ, การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการดำเนินงานภารกิจพื้นฐานและภารกิจอื่น

ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวน 645,880.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.2 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อให้ระบบการบริหารราชการมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม จำแนกตามแผนงานสำคัญ คือ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ, รัฐบาลดิจิทัล, การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม, การพัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ, การสนับสนุนด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และการดำเนินงานภารกิจพื้นฐาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 3,752,700 ล้านบาท มีที่มาจากรายได้ที่คาดว่าจะจัดเก็บได้ จำนวน2,887,000 ล้านบาท และเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 865,700 ล้านบาท แม้ว่างบประมาณปีนี้จะมีการขาดดุลเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนไว้ จำนวน 908,224 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.2 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 27.9 และเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 17 ปีที่ผ่านมา

“การบริหารงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดนี้ จะเป็นการใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินไหลไปสู่ประชาชน และภาคธุรกิจ สร้างการเจริญเติบโตให้กับประเทศพัฒนาศักยภาพอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามกฎหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย

Related Posts

Send this to a friend