POLITICS

สนธิญา จี้ กกต.ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีพิธาถือหุ้น ITV ย้ำไม่ได้สกัดขา

วันนี้ (19 พ.ค.66 ) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. ให้เร่งสอบกรณี ถือหุ้นสื่อบริษัท ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีว่า เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และขอให้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เลขาธิการคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ​ (ป.ป.ช.)​ ได้ออกมาแถลงชัดเจนแล้วว่านายพิธา ได้แจ้งการถือหุ้นไอทีวี จำนวน 42,000 กว่าหุ้น ซึ่งที่ผ่านมานายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายศรีสุวรรณ จรรยา ก็ได้มาร้องแล้ว ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) นายสนธิญา ระบุว่า นายพิธา เป็นแคนดิเดตนายกฯ และอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีใน 2 เดือนข้างหน้า หากไม่ทำให้เรื่องนี้ชัดเจนจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า นายพิธามีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร และการที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล เซ็นส่งผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต ก็จะทำให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจากพรรคก้าวไกลเป็นโมฆะ รวมถึงการเซ็นโครงการต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ ในฐานะรัฐมนตรีก็จะเป็นโมฆะ เช่นเดียวกัน

“ขอให้ กกต. เร่งรัดตรวจสอบกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ซึ่งไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพราะ ปปช.ก็แถลงแล้วว่า นายพิธาได้แจ้งเรื่องการถือหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาก็มีคนร้องเรียนแล้ว กกต. จึงไม่ต้องพิจารณาวินิจฉัยอะไรมากมายไปกว่านี้ แต่ให้ส่งเรื่องไปสู่ศาลฎีกา หรือส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อโปรดวินิจฉัย หาก กกต.ไม่มีกระบวนการตามที่กล่าว อีก 2 อาทิตย์ ผมจะไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน แล้วถ้าภายใน 60 วันผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่เสนอไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ผมก็จะยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ” นายสนธิญา ระบุ

นายสนธิญา ยังระบุว่าตนเองมาร้องเรื่องนี้ไม่ไดต้องการสกัดนายพิธา แต่เห็นว่า ถ้านายพิธา มองว่าการถือหุ้นไอทีวีไม่มีผลตามกฎหมายแล้ว เพราะทางบริษัทได้ยุติการประกอบธุรกิจสื่อไปแล้วนั้น ตนเองสงสัยว่านายพิธาจะต้องไปยื่นต่อ ป.ป.ช.ทำไม ว่าเป็นผู้จัดการกองมรดก และเท่าที่ทราบ นายพิธา ไม่ยื่นหลังจากที่เป็นส.ส. ปี 2562 แล้ว 2-3 ปี ซึ่งยังไม่รู้ว่าหากผิด จะมีผลย้อนหลังไปถึงการเป็น ส.ส.เมื่อปี 2562 หรือไม่ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบเรื่องนี้ให้จัดเจน เมื่อเป็นนายกฯ จะไดมีความโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่ตรวจสอบตอนนี้ แต่ไปตรวจสอบตอนเป็นส.ส. เป็นรัฐมนตรีแล้ว จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้

นายสนธิญา ยังกล่าวอีกว่า เคยได้คัดค้านการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองพรรคอนาคตใหม่มาตั้งแต่ ปี 2561 เนื่องจากนายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้แสดงเจตนาที่จะแก้ไขมาตรา 112 มาตั้งแต่ยังเป็นอาจารย์ จนมาถึงปัจจุบัน โดยนายสนธิญา ระบุว่าตนเองได้ติดตามการทำงานของพรรคอนาคตใหม่ จนมาเป็นพรรคก้าวไกลใน ซึ่งทุกวันนี้ก็แนวความคิดดังกล่าวยังคงอยู่ รวมถึงให้มีการนิรโทษกรรมผู้ก่อคดีทางการเมือง ซึ่งหากดำเนินการตนเองก็ได้รับประโยชน์ด้วย เพราะตนยังมีคดีที่รอลงอาญา 2 ปี ในคดีหมิ่นประมาทอยู่ 2 คดี แต่ตนยอมรับในการกระทำที่เกิดขึ้น จึงไม่เห็นด้วยในการแก้มาตรา 112 ทั้งนี้

นายสนธิญา ยังกล่าวถึง ส.ว.และพรรคการเมือง รวมถึงผู้ที่เข้าไปร่วมรัฐบาลของนายพิธา ว่า ถ้ายังมีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 แล้วบุคคลนั้นได้รับเครื่องราชไม่ว่าชั้นไหน ก็ตาม นายสนธิญาจะรวบรวมรายชื่อพี่น้องประชาชน เพื่อถวายฎีกาขอคืนเครื่องราชทุกประการกับผู้ที่เข้าไปร่วมในการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่ฃการพูดเช่นก็ยอมรับว่าต้องการกดดันส.ว. ที่จะโหวตสนับสนุนนายพิธาเป็นนายก ให้พิจารณาให้ดี ว่านโยบายของรัฐบาลยังคงมีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 อยู่หรือไม่

Related Posts

Send this to a friend