กมธ.กฎหมาย สภาฯ จี้นายกฯ บังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย ให้ทันกำหนด 22 ก.พ.
กมธ.กฎหมาย สภาฯ จี้นายกฯ บังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย ให้ทันกำหนด 22 ก.พ. ชี้ ตร. อ้างไม่พร้อม ไม่ใช่ข้ออ้างขอชะลอกฎหมาย
วันนี้ (19 ม.ค. 66) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ยะลา พรรคพลังประชารัฐ และ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส. นราธิวาส พรรคประชาชาติ ร่วมกันแถลงถึงกรณีการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ภายหลังราชกิจจานุเบกษากำหนดให้มีผลภายในวันที่ 22 ก.พ. 66
โดยคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ภายในกรรมาธิการฯ ดังกล่าว เคยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตามความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วยผู้แทนจาก กอ.รมน. อัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทุกหน่วยงานให้คำยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ในวันที่ 22 ก.พ. 2566
อย่างไรก็ตาม ตร. ได้แจ้งว่ามีเหตุขัดข้อง โดยส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว เป็นเหตุให้คณะกรรมาธิการฯ มีความกังวลใจ จึงทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมาน-อุ้มหาย ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยได้ส่งเป็นหนังสือไปแล้ววันนี้
นายอาดิลัน ยังกล่าวถึงผลการประชุมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งได้เคยยืนยันต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ ว่า ตร. มีความพร้อมจะบังคับใช้กฎหมาย แม้ว่าอุปกรณ์จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นอุปสรรค โดยงบประมาณที่ ตร. จำเป็นต้องใช้ ประมาณ 3,000 ล้านบาทเพื่อซื้อกล้องสำหรับติดตั้งให้เจ้าพนักงาน และตามสถานที่ต่างๆ ส่วนสำนักงานอัยการสูงสุดต้องใช้ 100 กว่าล้าน เช่นเดียวกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า ควรต้องใช้งบกลางเพื่อดำเนินการดังกล่าว ซึ่งทุกหน่วยงานก็เห็นพร้อม
ในส่วนของกล้องติดตามตัวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกังวลนั้น แม้กฎหมายฉบับนี้จะกำหนดว่าให้ต้องบันทึกภาพเสียงทันที ตั้งแต่การควบคุมตัว จนกระทั่งปล่อยตัวกลับ หรือนำส่งพนักงานสอบสวน แต่กรณีความผิดซึ่งหน้า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างทาง แล้วอาจไม่ต้องบันทึกภาพเสียงก็ได้ เพราะเป็นเหตุจำเป็น มีข้อยกเว้นตามกฎหมายอยู่แล้ว
ด้าน นายกมลศักดิ์ ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้กว่าจะผ่านสภาใช้เวลายาวนานมาก แต่เมื่อใกล้จะประกาศใช้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหน่วยงานเดียวกับขอชะลอเวลา กรรมาธิการฯ ได้ประชุมแล้ว เห็นว่ายังไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ทำให้ขยายเวลาได้ แม้จะออกเป็น พ.ร.ก. ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะกฎหมายฉบับนี้เป็น พ.ร.บ. เป็นกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า พ.ร.ก. อีกทั้งเหตุผลที่อ้างมา ยังไม่เข้าองค์ประกอบของการออก พ.ร.ก. แต่อย่างใด












