POLITICS

‘หมอสุภัทร’ เปิดใจลงชิง สส.สงขลา เขต 2 กับ ปชน.เพราะความคิด-ความฝันตรงกัน

‘หมอสุภัทร’ เปิดใจลงชิง สส.สงขลา เขต 2 กับ ปชน.เพราะความคิด-ความฝันตรงกัน มอง ‘ศาสตรา-จูรี’ เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ ให้ประชาชนพิสูจน์ สุดท้ายจะเลือกใคร

วันนี้ ( 18 ธ.ค. 68) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน เขต 2 จังหวัดสงขลา เปิดใจถึงเหตุผลการลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาชนว่า เป็นพรรคการเมืองเดียวที่คิดว่าลงตัวกับชีวิตความเป็นตัวตนของตัวเอง เพราะตั้งแต่จบมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กลับมาเป็นแพทย์ชนบท ผ่านมา 30 ปีที่โรงพยาบาลจะนะ โรงพยาบาลสะบ้าย้อย และตนเองก็เป็นคนหาดใหญ่คิดว่าอุดมคติและความคิดความฝันที่มี ตรงกับพรรคประชาชนที่สุด ซึ่งเป็นพรรคเดียวที่เป็นไปได้ สำหรับคู่แข่งในสนามเลือกตั้งจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายศาสตรา ศรีปาน ปัจจุบันสังกัดพรรคภูมิใจไทย และนายจุรี นุ่มแก้ว ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ

เมื่อถามว่าเป็นคนที่ทำประเด็นค่อนข้างดีเหตุใดจึงไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ นพ.สุภัทร ระบุว่า เป็นโจทย์ที่คิดอยู่ช่วงหนึ่งว่าจะสมัครปาร์ตี้ลิสต์หรือสมัครในนามเขต จากที่ทบทวนตนเองรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมา 30 ปีในชีวิตทำงาน ถนัดงานพื้นที่ คือการสร้างโมเดลในพื้นที่ ในทัศนะคติคิดว่าความสำเร็จอยู่ที่มีพื้นที่ทดลองทำงานจริงและจะทำให้นโยบายนั้นจับต้องได้ ไม่เลื่อนลอย คิดว่าถ้าอยู่เขต 2 หาดใหญ่ สามารถทำให้พื้นที่หาดใหญ่เป็นแซนบ็อกซ์นำร่องได้ ไม่ว่ามิติของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือเรื่องของการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต การป้องกันน้ำท่วมครั้งต่อไป ให้เป็นภัยพิบัติที่มีความสูญเสียน้อยกว่าครั้งนี้ เรื่องพลังงานสะอาด หรือขนส่งสาธารณะ ทำ Sand box หาดใหญ่ให้เป็นโมเดล เพื่อสนับสนุนนโยบายชาติได้

ส่วนที่พรรคประชาชนถูกมองว่าเป็นฝ่ายค้ำจะทำให้ทำงานในพื้นที่ยากขึ้นหรือไม่ นพ.สุภัทร ระบุว่า เป็นสิ่งที่สังคมต้องตัดสินเองในช่วงนี้ หลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง ตนเองก็รู้สึกมีความหวังกับพรรคนี้มาก เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ สิ่งสำคัญคือความชัดเจนในจุดยืนและอุดมคติที่ต้องเดินไปข้างหน้า และปัญหาที่สำคัญของประเทศเป็นเรื่องสีเทา เป็นเรื่องของนโยบาย ที่มีความชัดเจน เชื่อว่าครั้งนี้พรรคประชาชนจะนำเสนอสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้ดีที่สุดถ้าได้เป็นรัฐบาลเชื่อว่า 4 ปี ข้างหน้ามีความเปลี่ยนแปลงแน่นอน

ทั้งนี้หากเป็นรัฐบาลแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวต้องไปจับมือกับพรรคการเมืองอื่น ก็ต้องเป็นสิ่งที่ยอมรับ เมื่อได้เสียงมาไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ต้องมีการรวมกับนักการเมืองอื่น แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารของพรรค ว่าจะเลือกเจรจากับพรรคการเมืองไหน ส่วนกระแสในพื้นที่มองว่ามีความสูสีและมีความท้าทายมาก ที่นายศาสตรา นายจูรี และตนเองต้องพิสูจน์กันว่าสุดท้ายประชาชนจะเลือกใคร

Related Posts

Send this to a friend