‘พริษฐ์‘ คาด สภาผู้แทนราษฎรยืนตามร่างเดิมเสนอใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวประชามติ

‘พริษฐ์‘ คาด สภาผู้แทนราษฎรยืนตามร่างเดิมเสนอใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวประชามติ เผย ประธานสภาฯ นัดหารือ 23 ธ.ค.นี้ แนะ ระหว่างรอพัก 180 วัน ถกแก้รัฐธรรมนูญ 3 วาระคู่ขนาน
วันนี้ (18 ธ.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติของคณะกรรมาธิการร่วมว่า สิ่งที่จะต้องพิจารณามี 2 ทางเลือก คือ
1.การเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ของกรรมาธิการร่วม ซึ่งเป็นร่างเดียวกันที่ถูกแก้ไขโดยวุฒิสภาที่เสนอเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น
2.ปฏิเสธร่างดังกล่าว รอเวลอีก 180 วัน และยืนตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอให้ใช้เสียงข้างมาก 1 ชั้น
ทั้งนี้ เข้าใจว่าเสียงของสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่น่าจะเห็นชอบกับทางเลือกที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โจทย์คือทำอย่างไรให้กรอบเวลาไม่กระทบต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ทันการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้สัญญาไว้กับประชาชนไว้
อย่างไรก็ตาม ทางออกที่ตนเองเสนอคือ การลดจำนวนครั้งในการทำประชาชมติจาก 3 เหลือ 2 ครั้ง เพื่อให้กรอบเวลาลดลง ในช่วงเวลา 180 วัน ที่รอร่าง พ.ร.บ.ประชามติ กลับมาพิจารณาอีกครั้ง สามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ผ่าน 3 วาระของรัฐสภาคู่ขนานกัน แต่การผลักดันให้สำเร็จต้องผ่าน 2 ด่าน คือ
1.ทำอย่างไรให้ประธานสภาฯ บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับ สสร. ซึ่งพรรคประชาชนได้ยื่นร่างเข้าสู่สภาฯ ในวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา หวังว่าการวินิจฉัยจะออกมาว่าการทำประชาชมติ 2 ครั้ง เพียงพอ ซึ่งประธานสภาฯ นัดหารือวันที่ 23 ธ.ค เวลา 10.00 น.
2.ทำอย่างไรให้รัฐสภาเห็นชอบด้วย ต้องไปดูรอยร้าวของทั้ง 2 รัฐสภา ส่วนบุคคลที่จะยุติรอยร้าว คือ นายกรัฐมนตรี คาดหวังให้นายกฯ แสดงบทบาทความเป็นผู้นำ รวมทั้งแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางที่ดีควรเสนอร่างในลักษณะเดียวกันเข้ามาประกบกับร่างของพรรคประชาชน
ส่วนที่รัฐบาลระบุว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ทันในรัฐบาลสมัยนี้ แต่จะตั้ง สสร.ให้ได้ ก็ไม่อยากให้รัฐบาลยอมแพ้ และปรับลดเป้าหมายเร็วเกินไป ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร.เสร็จทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากสามารถลดจำนวนการทำประชามติสำเร็จ ยิ่งรัฐบาลร่วมมือกับเราเท่าไหร่ โอกาสสำเร็จจะมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ หากไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้ ท้ายที่สุดประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป