เลขาฯ กฤษฎีกา แย้ม อัยการสูงสุด ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ‘ทักษิณ‘ ไม่กระทบขอพักโทษ
เลขาฯ กฤษฎีกา แย้ม อัยการสูงสุด ยื่นอุทธรณ์คดี ม.112 ‘ทักษิณ‘ ไม่กระทบขอพักโทษ ย้ำ ต้องเข้าเงื่อนไขรับโทษ1 ใน 3 หรือ 6 เดือน ชี้ ยึดทรัพย์ คดีหุ้นชินคอร์ป สืบทรัพย์ตามปกติ ให้มาเป็นของแผ่นดิน โยน ‘กรมบังคับคดี’ ให้รายละเอียด
วันนี้ (18 พ.ย. 68) เวลา 13:10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตต่อการยื่นการอุทธรณ์คดีของอัยการสูงสุด ในคดี ม.112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้ไม่สามารถขอพักโทษจากคดีชั้น 14 ได้หรือไม่ ว่า ไม่น่าจะถูกตัดสิทธิการพักโทษ แต่ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด ขอดูรายละเอียดก่อน จึงไม่กล้าตอบคำถาม เนื่องจากกังวลว่าอาจผิด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ในคดี 112 จะส่งผลให้ไม่สามารถขอพักโทษได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ ไม่ใช่คำพิพากษา ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีอยู่ และการขอพักโทษก็น่าจะได้ ก่อนจะย้ำว่า การตอบคำถามของตนเป็นการตอบที่ยังไม่ได้ดูข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ นายปกรณ์ ยืนยันว่า การที่จะขอพักโทษได้ ต้องรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้ว 6 เดือน ซึ่งเป็นไปตามหลักที่ต้องรับโทษ ก่อนจะขอพักโทษ และขั้นตอนการพักโทษก็ไม่มีหลักเกณฑ์การจำคุกขั้นต่ำกว่านี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากนายทักษิณ ได้รับการพักโทษออกมา จะสามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้หรือไม่ นายปกรณ์ ระบุว่า อันนี้ไปไกลแล้ว ตนขอดูรายละเอียดก่อน และไม่กล้าตอบ เพราะอาจผิดพลาดได้
ส่วนกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษากลับ ในคดีภาษีของนายทักษิณ ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการเช่นไร นายปกรณ์ เผยว่า กระทรวงการคลังไม่ต้องทำอะไร แต่ต้องขอศาลออกหมายบังคับคดี ซึ่งเป็นกระบวนการปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สามารถยึดจากทรัพย์สินของนายทักษิณได้เลยหรือไม่ นายปกรณ์ ยืนยันว่า ดำเนินการตามขั้นตอนปกติทางกฎหมาย และทรัพย์สินที่ได้มาก็ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นหลักปกติ ไม่ใช่กรณีใดกรณีหนึ่ง
ส่วนจะใช้เวลาเท่าใดในการยึดทรัพย์เข้าสู่คลัง เลขาฯ กฤษฎีกา ตอบว่า ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการสืบทรัพย์ ซึ่งต้องถามรายละเอียดจากกรมบังคับคดี












