POLITICS

กมธ.ชาติพันธุ์ฯ เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ต่อสภาฯ

กมธ.ชาติพันธุ์ฯ เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ต่อสภาฯ พิจารณาวาระ 2 และ 3 เชื่อสภาฯ ให้ความเห็นชอบ หวังไทยก้าวสู่สังคมพหุวัฒนธรรม โอบรับคนทุกกลุ่มอย่างเสมอภาค

วันนี้ (18 ก.ย. 67) นางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. ว่า การขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ถือเป็นวาระสำคัญของประเทศที่ทุกภาคส่วนทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคการเมือง และภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมผลักดัน ถือเป็นความก้าวหน้าของประเทศที่จะก้าวสู่สังคมพหุวัฒนธรรมที่โอบรับคนทุกกลุ่มวัฒนธรรมไว้อย่างเสมอภาคกัน

ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการยกร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับเป็นครั้งแรก มีเจตนารมณ์ให้เป็นกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิทางวัฒนธรรม และเพื่อคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ให้สามารถดำรงวิถีชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดย กมธ.ได้นำเนื้อหาจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับต่าง ๆ มาบัญญัติรวมไว้ในร่าง พ.ร.บ.ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งใช้เป็นหลักในการพิจารณา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.แบ่งเป็น 6 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 หลักพื้นฐานแห่งสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งมีบทบัญญัติรับรองให้กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วน ทั้งสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสวัสดิการสังคมที่มีคุณภาพ

ส่วนที่ 2 กลไกการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ มีกลไก 2 ระดับ ประกอบด้วย กลไกระดับนโยบาย และ กลไกระดับปฏิบัติการ

ส่วนที่ 3 การจัดตั้งสภากลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทย

ส่วนที่ 4 การจัดทำฐานข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์

ส่วนที่ 5 การจัดตั้งเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ โดยคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า การกำหนดพื้นที่คุ้มครองไม่ใช่เป็นการให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มชาติพันธุ์ การกำหนดพื้นที่นี้จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อมีข้อตกลงร่วมกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ ซึ่งจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพื้นที่แต่อย่างใด

ส่วนที่ 6 บทกำหนดโทษ ซึ่งกำหนดไว้เพื่อคุ้มครองชาติพันธ์ไม่ให้โดนเหยียดหยาม สร้างความเกลียดชัง หรือเลือกปฏิบัติ

สำหรับการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีเป้าหมายสำคัญในการเปลี่ยนพื้นที่ความเห็นต่างให้เป็นพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ สานพลังสังคมพหุวัฒนธรรมตามหลักการสากลเป็นสำคัญ พร้อมเชื่อว่าสภาฯ จะให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว

Related Posts

Send this to a friend