นายกฯ ย้ำ ไม่ลืมสิ่งที่หาเสียงไว้ เชื่อ อะไรทำได้ให้ทำก่อน
นายกรัฐมนตรี ร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” เชื่อ อะไรทำได้ให้ทำก่อน ชี้ กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นด้วย ดิจิทัล วอลเล็ต ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยัน ไม่ลืมสิ่งที่หาเสียงไว้
วันนี้ (18 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมเสวนาแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” โดยมีสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นเจ้าภาพในการจัดเสวนาครั้งนี้
นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงานเสวนาในครั้งนี้ แม้จะเหนื่อยกับการทำงานแต่ก็หยุดไม่ได้ ยืนยันว่าแนวคิดของตัวเองมักเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรรวดเร็ว และความเป็นนายกฯ ทำให้ต้องมองอะไรให้กว้างขึ้นมากกว่าสิ่งที่เคยทำงานด้านธุรกิจมา ซึ่งหลักในการทำงานของเอกชน แล้วมาทำงานเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คือปัญหาของประชาชนที่ประสบอยู่ ทั้งเรื่องความยากจน และสิทธิเสรีภาพ มีหลายอย่างที่อยากให้นโยบายเป็นทุกรูปร่าง เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีความหวัง สิ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการอนุมัติเรื่องของการลดค่าไฟ และการลดค่าน้ำมันไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญก็คือองค์ประกอบในการเดินหน้าในอนาคตซึ่งต้องมีหลายภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อน ซึ่งขณะนี้อะไรที่ทำได้ก็ต้องทำไปก่อน
ส่วนฉายาเศรษฐาหาร 2 นายเศรษฐา มองว่า เมื่อเป็นหัวหน้างานก็ต้องดำเนินการทำให้เร็วขึ้นจากกรอบเวลาที่ตั้งไว้ ทั้งข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ ก็คงเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนดี เพราะหลายสิ่งหลายอย่างเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งทำงานให้เร็วตอบโจทย์ประชาชน ถ้าหากไม่เร่งทำการวางแผนแต่ละอย่างก็จะไม่มีผล โดยเฉพาะช่วงใกล้สิ้นปีก็จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่จำเป็นจะต้องขับเคลื่อนให้ได้
ส่วนแนวทางการเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น นายเศรษฐา ระบุว่า รายได้ที่เข้าประเทศแบบง่ายที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการคุยกับหลายสายการบินเพื่อที่จะรับทราบถึงปัญหา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด จะคิดว่าจะทำอย่างไรให้ขั้นตอนการรองรับเที่ยวบินที่มากขึ้น ซึ่งสารตั้งต้นที่คิดไว้ก็คือการให้ Visa-Free ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ส่วนตัวก็มองว่าหากมีการใช้ Visa-Free เมื่อมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามายังประเทศไทยก็ตั้งเป้าไว้ โดยเบื้องต้นในไตรมาส 4 อาจจะมีงบประมาณเข้าประเทศถึง 3 หมื่น 5 พันล้าน ก็เป็นได้
สำหรับข้อกังวลในเรื่องของทุนจีนสีเทาที่จะเข้ามาในประเทศไทยนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ได้มีการหารือกับด้านความมั่นคงแล้ว แม้จะมี Visa-Free แต่ก็ใช้ในเรื่องของการท่องเที่ยว รวมถึงมีมาตรการอื่นในการรองรับและควบคุมอยู่
นายเศรษฐา กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจขณะนี้ที่เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ที่กำลังต่ออยู่ ยอมรับว่าปัจจุบันเศรษฐกิจนั้นยังอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยดี อย่างแรกที่ทำก็คือการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการพักหนี้เกษตรกร รายการพักหนี้ แม้จะเป็นช่วงระยะหนึ่งแต่การคิดต่อยอดก็คือการต้องพยายามให้เกษตรกรสร้างรายได้ควบคู่กันไปด้วย และสิ่งสำคัญในนโยบายหลักของการลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนก็เตรียมพร้อมสำหรับดิจิทัล วอลเล็ตอยู่ แต่รายละเอียดเรื่องระยะทางการใช้ ก็จะมีการหาเรื่องกันอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และทุกคนได้ประโยชน์ ซึ่งเชื่อว่าระยะเวลา 6 เดือนก็เพียงพอที่จะทำให้พื้นที่แต่ละพื้นที่เกิดการขับเคลื่อนใช้จ่าย และยังเสริมสร้างสถาบันครอบครัวตามไปด้วย เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ฉีดเงินเข้าสู่ระบบ หวังว่าจะเพิ่มมูลค่าให้การค้าได้ เกิดเป็นการแข่งขัน
นายเศรษฐา กล่าวต่อถึงการเชื้อเชิญนักลงทุนจากต่างประเทศ ให้มาประเทศไทย ว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งหลายอย่าง ทั้งความพร้อมด้านสนามบิน ท่าเรือ และยังมีภาคเอกชนหลายส่วนที่มีความแข็งแกร่งกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจ และเชื่อว่าหากทำให้ GDP โต 5% ต่อปีได้ก็จะส่งผลสืบเนื่องต่อการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำด้วย ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องทำให้เกิดผล ซึ่งขณะนี้ค่าแรงของแรงงานบางส่วนก็ไม่ใช่ 300 บาทต่อวันแล้ว บางทีอาจจะเพิ่มถึง 400 บาทต่อวัน สิ่งสำคัญขณะนี้ ก็คือต้องเร่งคุยทุกภาคส่วนเพื่อให้การเดินหน้าทุกอย่างเกิดความเหมาะสมด้วย โดยยืนยันไม่ลืมในสิ่งที่หาเสียงไว้