‘ภูมิธรรม‘ จ่อฟ้องอาญา-แพ่ง ‘กัมพูชา‘ ในประเทศ เหตุรุกรานอธิปไตยไทย
‘ภูมิธรรม‘ จ่อฟ้องอาญา-แพ่ง ‘กัมพูชา‘ ในประเทศ เหตุรุกรานอธิปไตยไทย มอบอัยการสูงสุดพิจารณา เอาผิด ‘ฮุนเซน‘ หวังเป็นชนักติดหลัง เจอเมื่อไรจับ
วันนี้ (18 ส.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีเรื่องที่กระทบกระทั่งและปะทะกันอยู่ ทั้งฝ่ายกองทัพและฝ่ายกลาโหมจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด การเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่าย ๆ โดยในวันที่ 25-27 ส.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) และในวันที่ 8–10 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
เราได้มีการติดตามและให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแจ้งเตือนลู่ทางต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นเอกภาพ สื่อสารประสานงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้เรื่องที่สร้างความสับสนในหมู่พี่น้องประชาชนด้วยกันจะมีเรื่องกระบวนการ IO อยากฝากให้พวกเราอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องนี้ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด เอาอธิปไตยประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
นอกจากนี้เรายังได้พูดคุยเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการรุกรานอธิปไตยของไทย เรื่องนี้เคยพูดไว้ว่ามีหลายส่วนที่กระทบกับชีวิตทรัพย์สินของประชาชนคนไทย เราจะดำเนินการฟ้องร้องกัมพูชาและผู้นำ เป็นเรื่องฝ่ายกฎหมายจะพิจารณากัน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 3 เป็นศูนย์รวมรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน หน่วยราชการ นิติบุคคล เพื่อดำเนินการร้องเรียนและส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งจะรับหน้าที่ในการฟ้องร้อง ซึ่งจะเป็นการฟ้องร้องในประเทศ เพราะกระทบต่อความมั่นคง ทรัพย์สิน ชีวิตประชาชน และผู้ก่อเหตุอยู่ภายนอกประเทศ
จุดสำคัญคือเราจะฟ้องเฉพาะในประเทศเท่านั้น ไม่ไปฟ้องที่กฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากเราทำตามกรอบหน้าที่ หากไม่ทำก็จะโดนมาตรา 157 ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ จากนี้ต่อไปต้องเฝ้าระวังให้เต็มที่มากขึ้น เราดำเนินการติดตามสถานการณ์เรื่องนี้ต่อจนกว่าการเจรจาและการพูดคุยจะคลี่คลาย ก็จะมีการปรับปรุงแก้ไขปรับเปลี่ยนจนกระทั่งสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเต็มที่
เมื่อถามว่าการฟ้องภายในประเทศจะเอาผู้ต้องหาเข้ามาได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่าเป็นการฟ้องที่สามารถดำเนินการได้ อย่างน้อยที่สุดคือ เป็นชนักติดหลัง เจอที่ไหน เมื่อไร เข้ามาในประเทศก็จับ
ส่วนจะฟ้องสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาและดำเนินข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ซึ่งจะมีการฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าใช้หลักอะไรในการฟ้องภายในประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ที่กระทบกับชีวิตทรัพย์สินในประเทศ แต่ผู้ก่อเหตุอยู่นอกประเทศ จึงต้องดำเนินการภายในประเทศที่ดำเนินการได้เลย ส่วนต่างประเทศเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจศาลโลก ส่วนจะหาสืบหาเส้นทางการเงินของนักการเมืองในไทยของสมเด็จฮุนเซนในไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม หากจะทำก็ยังพูดไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่มาคุยกัน
โดยในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายภูมิธรรม ยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ยังคงอยู่ “ยังไม่ได้พูดว่าจะยุบเลยซักคำ”












