โฆษก กต.เผยเดินหน้ายื่นหลักฐานภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวา เหตุ ‘กัมพูชา’ ลอบวางทุ่นระเบิด
โฆษก กต.เผยทูตไทยประจำเจนีวา เดินหน้ายื่นหลักฐานภายใต้กลไกอนุสัญญาออตตาวา เหตุ ‘กัมพูชา’ ลอบวางทุ่นระเบิด
วันนี้ (18 ส.ค. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.68 มีการจัดคณะลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนกัมพูชาที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้ช่วยรัฐมนตรีการต่างประเทศ กองทัพบก และกระทรวงมหาดไทย ได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา องค์กรภาคประชาสังคมเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ สังเกตการณ์สถานที่จริงเกี่ยวกับเหตุการลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย
ในการลงพื้นที่มีการบรรยายสรุปเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ลำดับเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดทุ่นระเบิดในดินแดนไทย ซึ่งมีการสังเกตภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในสถานที่จริงของหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม โดยหน่วยทหารบริเวณภูมะเขือจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้เห็นหลักฐานการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชาในดินแดนไทย โดยคณะได้รับทราบข้อเท็จจริงจากหน่วยปฏิบัติการจริง พร้อมเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีการวางระเบิดใหม่ ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและทุพพลภาพถาวร รวมถึงส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคมในระยะยาว
นอกจากนี้คณะสังเกตการณ์ยังพบประชาชนในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งได้รับทราบการดำเนินการให้ความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดเพื่อย้ำว่ากัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดดังกล่าวในดินแดนไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การกระทำของกัมพูชายังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงพันธกรณีตาม อนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี นอกจากนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายยุติการใช้อาวุธทุกชนิด และไม่รอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วย
การลงพื้นที่ยังทำให้ประชาคมระหว่างประเทศ ทบทวนการช่วยเหลือที่ให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่มระเบิด และร่วมกันกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณี ในฐานะที่เป็นรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ส่วนการดำเนินการของไทย ภายใต้อนุสัญญาออตตาวา กระทรวงการต่างประเทศมีการประท้วงโดยตรงไปยังกัมพูชาทุกครั้ง รวมไปถึงส่งไปยังประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และในเวทีพหุภาคีเอกอัครราชทูตถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ทำงานอย่างแข็งขัน ในการขับเคลื่อนอนุสัญญาออตตาวา
ฝ่ายไทยได้จุดชนวน ภายใต้กรอบอนุสัญญาว่าก่อนที่จะถึงการประชุมรัฐภาคีในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อชี้ชัดเรื่องการละเมิดอนุสัญญาที่เกิดขึ้น กดดันให้ปฏิบัติตามพันธกรณี และล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเจนีวา ได้เข้าประชุมเรื่องรายละเอียดการละเมิดอนุสัญญาของกัมพูชา ซึ่งจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งจะมีการนำเสนอข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติม
นายนิกรเดช ยืนยันว่าคณะกรรมการดังกล่าวเป็นกลไกตามอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งได้นำเรื่องดังกล่าวไปเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาของคณะกรรมการ เพื่อสร้างแรงกดดันให้ประเทศภาคีที่ละเมิดอนุสัญญาเข้ามาชี้แจงและแก้ไข ขณะที่กรอบทวิภาคี ไทยได้แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา และการที่กัมพูชาโดย CMAA แถลงเมื่อเช้านี้โดยอ้างเหตุการณ์นานา ซึ่งเป็นท่าทีที่ย้อนแย้งของกัมพูชา แม้จะกล่าวว่าให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แต่กลับสร้างเงื่อนไขและปล่อยให้อาวุธร้ายแรงถูกใช้อยู่และยังคงอยู่ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ข้อตกลงหยุดยืนยิงอย่างชัดเจน และไม่ให้ค่ากับชีวิตความปลอดภัยของมนุษย์ที่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
ส่วนที่มีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อให้เกิดความสับสนโดยผู้อำนวยการ CMAC ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยได้นำทุ่นระเบิดที่ตรวจพบทั้งในสองลักษณะ ได้แก่ ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้นำไปติดตั้ง และทุ่นระเบิดที่ติดตั้งแล้ว รวมทั้งได้นำเสนอชิ้นส่วนของทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสและทำให้ทหารไทยพิการไปแล้ว ซึ่งถูกเก็บมาจากบริเวณที่ทหารไทยกับกัมพูชาเคยวางกำลังอยู่ ไม่มีการบิดเบือนและไม่มีการจัดฉากใด ๆ
โดยการสื่อสารท่าทีของกัมพูชา แสดงถึงความย้อนแย้งในเชิงหลักการของกัมพูชาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าให้กัมพูชาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ พร้อมให้หน่วยงานระหว่างประเทศมาตรวจสอบอย่างชัดเจน ขณะที่การลงพื้นที่ของผู้สังเกตการณ์ชั่วคราววันนี้- 20 ส.ค.68 กองทัพไทยอยู่ระหว่างการนำผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุม GBC ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจากมาเลเซีย บรูไน ลาว อินโดนิเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมทั้งสิ้น 14 คน เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา
รวมทั้งขัดขวางขวางการปฎิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ระเบิดแห่งชาติ การลงพื้นที่ครั้งนี้จะทำให้เห็นหลักฐานอย่างประจักษ์ เพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงชี้แจงให้กับประชาคมโลกรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา เพื่อยับยั้งข่าวปลอมที่ฝ่ายกัมพูชาปล่อยออกมา
ขณะที่การลงพื้นที่ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 หลังจากลงพื้นที่พบกับเชลยครั้งแรก การลงพื้นที่ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือยืนยันว่า ไทยจะให้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศ และไทยยึดมั่นในหลักการระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลักสิทธิมนุษธรรมและหลักปฏิบัติสากล
ขอยืนยันว่าไทยมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชาอย่างสันติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และหวังว่าการประชุมต่าง ๆ ทั้ง RBC GBC และ JBC ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในอนาคตอันใกล้ จะช่วยลดความตึงเครียดที่มีอยู่ และเป็นพื้นฐานในการแก้ปัญหาในระยะต่อไป












