เลขาฯ สมช.บอกเหตุระเบิดชายแดนใต้เป็นกลุ่มเดิม แค่เปลี่ยนวิธีการ

เลขาฯ สมช.บอกเหตุระเบิดชายแดนใต้เป็นกลุ่มเดิม แค่เปลี่ยนวิธีการ พร้อมประเมินภัยคุกคามช่วงประชุมเอเปคทั้งในและนอกประเทศ
วันนี้ (18 ส.ค. 65) พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวข้องกับการอยู่ในช่วงท้ายรัฐบาลหรือเป็นการทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการชี้แจงจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สมช.ได้ดูใน 4-5 มิติ รวมไปถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกันวานนี้ได้มีการประชุมของหน่วยข่าว ในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อรับฟังปัญหาและ และมอบหมายแนวทางที่นายกรัฐมนตรีและ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านความมั่นคง ได้สั่งการเร่งด่วนให้ยกระดับมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย รวมถึงเศรษฐกิจในพื้นที่ โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการสืบสวนสอบสวนหาผู้ก่อเหตุ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว ยุติธรรมและเป็นไปตามขั้นตอน
นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับระบบการทำงานที่สำคัญในเรื่องของความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ มาตรการในการรักษาความสงบ เดินหน้าทำความเข้าใจ และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้มากยิ่งขึ้น และสิ่งสำคัญอีกมิติคือการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น และพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
ทั้งนี้พลเอกสุพจน์ ยอมรับว่า มีงานข่าวในการก่อเหตุมาอยู่แล้ว แต่ในการก่อเหตุครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนผู้ดำเนินการ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ขอให้รอฟังผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งตนคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยทำอยู่
ส่วนที่หลายฝ่ายมีความพยายามเชื่อมโยงกับการเมือง พลเอกสุพจน์ ระบุว่า ตนคิดว่ามีหลายมิติที่ต้องดู การแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ การเมืองก็คือบริบทที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นก็จะดำเนินการคู่ขนานไป
พร้อมเชื่อว่าครั้งนี้เป็นการดำเนินการกับกลุ่มเป้าหมายเปราะบางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่ก่อเหตุเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวันเช่นร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมัน รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างแน่นอน โดยรัฐบาลนั้นให้ความสำคัญและจะเร่งดำเนินการแก้ไข
ส่วนมีการประเมินหรือไม่ว่าการก่อเหตุดังกล่าวเหตุใดจึงเกิดขึ้นในช่วงปลายปี พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า เป็นจังหวะของเหตุการณ์เพราะหากติดตามการเจรจาพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้มีความคืบหน้า มีการพูดคุยกันบ่อยขึ้น และครอบคลุมในทุกมิติ แต่กลุ่มที่เข้ามามีส่วนร่วมของปัญหาก็จะมีความต้องการแตกต่างกันไป
เมื่อถามยามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ ช่วงการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 ด้วยหรือไม่นั้น พลเอกสุพจน์ มองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน หากดูจากแผนงานโครงการที่เข้าไปทำพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่ารัฐบาลมีความตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีอาชีพ มีงานทำ และมีการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกระดับ เพื่อให้เป็นพื้นที่ที่อยู่ร่วมกันได้และมีความเจริญ
ทั้งนี้พลเอกสุพจน์ ปฏิเสธการตอบคำถาม ถึงกรณีแง่ของความมั่นคงได้มีการเตรียมการ เรื่องวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่นักวิชาการออกมาระบุให้ฝ่ายความมั่นคงระวังเรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคนั้น พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า ตนในฐานะที่วิเคราะห์ภัยคุกคามต้องดูในทุกมิติ ทั้งภัยที่เกิดขึ้นในประเทศและต่างประเทศ