POLITICS

‘ประธาน กกต.’ รับ คกก.ไต่สวนคดีฮั้ว สว.ทำสำนวนเสร็จแล้ว

‘ประธาน กกต.’ รับ คกก.ไต่สวนคดีฮั้ว สว.ทำสำนวนเสร็จแล้ว ปัดตอบฟันทั้ง 229 คนตามข่าวหรือไม่ บอกเพียงมีจำนวนไม่น้อย ไม่กดดันหลังถูกมองเร่งทำคดี

วันนี้ (18 ก.ค. 68) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฮั้วการเลือก สว.ว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง ชุดที่ 26 ได้ทำสำนวนเสร็จแล้ว และส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณา วิเคราะห์ศึกษาความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และให้เลขาธิการ กกต.แสดงความเห็น และเมื่อเลขาธิการ กกต.มีความเห็นแล้ว ก็จะเสนอไปยังให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ซึ่งมีหลายคณะ ซึ่งคณะอนุกรรมการจะเป็นผู้ศึกษาวิเคราะห์ช่วย กกต.ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ซึ่งผลการสืบสวนไต่สวนของคณะต่าง ๆ จะถือว่าเป็นความลับ เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ส่วนขั้นตอนเลขาธิการ กกต.จะใช้เวลา 60 วัน และเมื่อเข้าสู่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหา และข้อโต้แย้ง ก็จะมีเวลาไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมกกตก็ไม่เกิน 90 วันเช่นกัน

ส่วนกระแสข่าวที่มีผู้ที่อาจจะถูกดำเนินคดีมากถึง 229 คนนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ปกติจะให้สำนวนขึ้นมาตามลำดับไม่ไปล้วงข้อมูลรายละเอียด ซึ่งที่เป็นข่าวก็มีจำนวนไม่น้อย

เมื่อถามว่าผู้ถูกร้องมีจำนวนมาก กกต.มี นโยบายในการวินิจฉัยอย่างไร นายอิทธิพร กล่าวว่าไม่มีนโยบาย เป็นการพิจารณา ตามขั้นตอนไม่สามารถแทรกแซงอะไรได้ทั้งสิ้น

เมื่อถามย้ำว่าจำเป็นต้องตั้งคณะอนุวินิจฉัยพิเศษขึ้นมาหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยทำเช่นนั้น เพราะไม่ได้เป็นไปตามระเบียบ และต้องมีเหตุผลสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำแบบนี้ นอกจากจะทำตามระเบียบ

ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยมองว่าข้อกล่าวหาของหลายคนเหมือนกัน ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมนั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า เป็นความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องแต่เมื่อมอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนไปแล้ว ที่เหลือก็เป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีข้อยกเว้นอะไร ซึ่งความเห็นในระดับต่าง ๆ ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันได้อยู่แล้ว กระบวนการก็ทำต่อไป ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้ถูกเร่งดำเนินการเพราะพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลแล้วนั้น กกต. ปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการ ไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันอะไรทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของกกต. คณะกรรมการแต่ละคนต้องธำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง และมีพฤติกรรมพฤติการณ์ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายคือทำให้ถูกต้องตามระเบียบ ตามกฎหมายมากที่สุด

ขณะที่ประเด็นการลดเวลาการไต่สวนสามารถทำได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องการลดเวลาหากจะทำจะต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเคยมีกรณีที่เกิดขึ้นที่กกต.เห็นว่า ในสำนวนบางสำนวนกระบวนการพิจารณาบางอย่าง อาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อนุวินิจฉัย แต่เพราะมีเหตุจำเป็นเรื่องจำกัดเวลา เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ในการวินิจฉัยสิทธิ์ว่าผู้สมัครคนนั้นคนนี้มีสิทธิ์หรือไม่ถ้าช้าจะทำให้เขาหมดสิทธิ์สมัคร และประกอบกับกรณีการวินิจฉัยสิทธิเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ชัดเจนเพียงพอแล้ว ซึ่งอาจจะกระทำได้ในลักษณะนี้ แต่ที่ผ่านมาปฏิบัติตามระเบียบสืบสวนไต่สวนอย่างเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยมีการฟ้องร้องคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง ชุดที่ 26 นายอิทธิพร กล่าวว่า พิจารณาเหมือนทุกครั้งดูรายละเอียด และความเห็น จากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และความเห็นจากเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ส่งขึ้นมา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเอกฉันท์ ซึ่งเมื่อมาถึงที่ประชุมก็จะมีการถกกัน บนพื้นฐานของความเห็นและสำนวน และขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไร บางครั้งก็ออกมาเป็นฉันทามติเอกฉันท์ หรือ 3:3 ,4:2,5:1 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคน

Related Posts

Send this to a friend