กมธ.นิรโทษกรรม โยนสภาฯ ตัดสินรวมคดี 112 หรือไม่
วันนี้ (18 ก.ค.67) เวลา 13.00 น.คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาและลงมติในประเด็นคดีและฐานความผิดที่นิรโทษกรรม โดยเฉพาะในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และ 112
ภายหลังการประชุมนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการ นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ นายชัยธวัช ตุลาธร คณะกรรมาธิการและที่ปรึกษา ได้แถลงผลการประชุม โดยนายชูศักดิ์ เปิดเผยว่าที่ประชุมเห็นว่าควรนิรโทษกรรมการกระทำหรือเหตุที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548-ปัจจุบัน โดยมีบทนิยามชัดเจนว่าความผิดที่เกี่ยวกับแรงจูงใจทางการเมืองมีอะไรบ้าง ความผิดประเภทนี้เรามีความเห็นโดยเอกฉันท์
ส่วนความผิดต่อชีวิตความผิดที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เช่นกรณีความผิดตามมาตรา 288 และ 289 จะไม่นิรโทษกรรม เพราะเป็นเรื่องการประทุษร้ายต่อชีวิต ไม่ใช่การกระทำความผิดต่อรัฐฝ่ายเดียว ทำให้ผู้คนล้มตาย
ขณะที่ความผิดตามมาตรา 110 และ 112 คณะกรรมาธิการเห็นว่าเป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมาธิการเป็นเพียงการศึกษาหาแนวทางตรากฏหมาย จึงมีมติว่าจะไม่โหวต โดยส่งความเห็น 3 ประการ ต่อสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
1.ไม่ควรนิรโทษกรรมในมาตรา 110 และ 112 พร้อมระบุเหตุผล
2.เห็นควรนิรโทษกรรม โดยไม่มีเงื่อนไข
3.เห็นควรนิรโทษกรรม แต่มีเงื่อนไข ซึ่งอาจจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเห็นตรงกันว่า คณะกรรมาธิการมีหน้าที่ศึกษา จึงควรส่งความเห็นให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แต่ไม่ปิดกั้นความเห็นของฝ่ายใด และมอบหมายให้นายนิกรทำรายงาน เพื่อสรุปผลภายในวันพุธหน้า (24 ก.ค.67) และคาดว่าจะส่งรายงานฉบับนี้ต่อสภาผู้แทนราษฎรทันภายในสิ้นเดือน
นายนิกร กล่าวต่อว่ารายงานที่จะส่งต่อสภาผู้แทนราษฎรมีทั้งหมด 3 เล่ม เล่มแรก ข้อมูลสถิติความผิดซึ่งทำเสร็จแล้ว เล่มที่ 2 คือการจำแนกคดี ภาพฃคผนวก ข.ส่งตีพิมพ์แล้ว เหลือเล่มสุดท้าย ความเห็นให้นิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข
อย่างไรก็ตามเรื่องฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 และ 112 ได้เปิดให้ทุกฝ่ายลงความเห็นครบถ้วน โดยยืนยันว่าความเห็นทั้งหมดจะถูกส่งเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร น่าจะมีบทสรุปที่ดีในการออกกฏหมาย
ด้านนายชัยธวัช กล่าวว่าเมื่อนำเสนอรายงานของคณะกรรมาธิการต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขั้นตอนต่อไป สส.แต่ละพรรคการเมือง นำข้อมูลและข้อเสนอทั้งที่มีเอกภาพ และความเห็นต่างลงในร่างกฎหมายแบบฉบับของตนเอง ส่วนตัวมองว่าข้อเสนอที่จะส่งต่อสภาผู้แทนราษฎรมีความสำคัญ เพราะการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา 112 มีข้อถกเถียงพอสมควร ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการยอมรับว่าจะนิรโทษกรรมหรือไม่ โดยลงรายละเอียดตัวอย่างการกำหนดเงื่อนไข และมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำน่าจะเป็นข้อดี ถือเป็นข้อเสนอใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคมไทย ทำให้ฝ่ายที่เห็นต่างได้พิจารณายอมรับกันได้
ยกตัวอย่างก่อนการได้รับพิจารณาว่าควรจะนิรโทษกรรมหรือไม่ โดยผู้กระทำผิดหรือผู้ถูกกล่าวหาจะต้องแถลงข้อเท็จจริง หาแรงจูงใจทางการเมืองและผู้อยู่เบื้องหลัง พร้อมกับเปิดโอกาสให้คู่กรณีหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง นอกจากนี้อาจจะกำหนดเงื่อนไขอื่น ๆ การเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง การกำหนดเงื่อนไขว่าห้ามกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งภายในระยะเวลากี่ปี การเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ก่อนจบการแถลงข่าวนายชูศักดิ์ ยืนยันว่าการประชุมวันนี้เป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล “ไม่มีทุบโต๊ะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาการศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 4 ก.ค.67 ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในคดีมาตรา 112 ซึ่งการประชุมครั้งนั้น มีการเสนอว่าเรื่องดังกล่าวไม่ควรเป็นมติของคณะกรรมาธิการ
นายชูศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่าหากที่ประชุมคณะกรรมาธิการไม่สามารถหาข้อสรุปประเด็นนี้ได้ อาจมีข้อเสนอแยกให้ชัดเจนว่าการนิรโทษกรรม หรือการไม่นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ประกอบกับคณะกรรมธิการไม่ได้มีหน้าที่ยกร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จึงสามารถมีข้อเสนอของฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรานี้ไว้ในรายงานของคณะกรรมการเพื่อเสนอต่อที่ประชุม ทำให้นายเอกชัย ไชยนุวัติ กรรมาธิการ และศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 1 เห็นด้วย เพราะอำนาจการตัดสินใจเป็นของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 4 เห็นด้วยกับการมีข้อเสนอเป็นสองแนวทาง โดยมีทั้งความเห็นของคณะกรรมาธิการที่เห็นด้วย และความเห็นของกรรมาธิการที่ไม่เห็นด้วย การหาข้อสรุปประเด็นประเด็นสำคัญ อาทิ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ควรมีข้อเสนอเป็นมติของที่ประชุมคณะกรรมาธิการ และการมีข้อเสนอเป็นสองแนวทางเป็นประโยชน์ต่อการร่างพระราชบัญญัติมีมากกว่า
ดังนั้นในการประชุมครั้งถัดไปควรกำหนดประเด็นในการพิจารณาให้ชัดเจนว่า เป็นการพิจารณาฐานความผิดที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ก็ประกอบด้วยฐานความผิดใดและยกเว้นฐานความผิดใด รวมถึงมีข้อดีข้อเสียอย่างไร












