นายกฯ กำชับ ปปง.เร่งรัดยึดทรัพย์ ตัดต้นตอแหล่งเงิน ผลิตยาเสพติด
ชี้ มีอำนาจอยู่แล้ว ขอให้ทำทุกเคส ไม่ให้มีข้อครหา สิ้นไตรมาส 3 ติดตามผลอีกครั้ง
วันนี้ (18 ก.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับฟังการดำเนินงานด้านยาเสพติดของสำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ปปง. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
เลขาธิการ ปปง. กล่าวรายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สินในคดียาเสพติดช่วงกรอบปี 66 – 67 การขยายผลต่อไปในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกัน และการประสานงานกับหน่วยงานอื่น รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยมีการตั้งคณะกรรมการ และการพัฒนาทักษะการสืบสวนทางการเงินให้หน่วยงานบริเวณชายแดนภาคเหนือ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาใหญ่ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมากมาย รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ทั้งใช้การฟื้นฟู แก้ไข เยียวยา ปัจจุบันนี้ฝ่ายจับสามารถจับเพิ่มได้ 4 – 5 เท่า แต่ราคายาบ้าก็ไม่ขึ้นสักที แสดงว่ามีการเข้ามาเยอะมาก ต้นทุนการผลิตต่ำ ถ้าเราจับหรือยึดทรัพย์ได้ก็ต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่ใช่บางคดียึดทรัพย์บางคดีไม่ยึดทรัพย์ และต้องพิสูจน์ทรัพย์ว่าได้มาอย่างไรและจะมีการฟอกเงินหรือไม่ เป็นหน้าที่ของผู้ถูกยึดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ โปร่งใส เพื่อไม่ให้มีการกล่าวโทษว่าเอื้อประโยชน์ให้ผู้ที่กระทำความผิด
ปัจจุบันกรณีเล็ก ๆ ก็เข้ามาเยอะ แต่ต้องระมัดระวัง ซึ่งต้องดูตามลำดับความสำคัญ ถ้าเป็นกรณีใหญ่ ถ้าวงเงินมากให้รีบปฏิบัติ โดยปัจจุบันธุรกรรมการเงินมีการโยกย้ายอย่างสะดวกสบาย ดังนั้น อย่ามัวแต่ช้า เรากฎหมายมีอำนาจอยู่แล้ว น่าจะยึดมาก่อนเลย เป็นเรื่องที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่
การสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติก็สำคัญ หน่วยงานนี้มีอำนาจพิเศษเยอะ อำนาจสูง ต้องตัดต้นตอออกไป เรื่องของการดำเนินการยึดทรัพย์ อยากให้กระทำโดยเร็ว อย่าให้เป็นที่เป็นข้อครหานินทากับคนอื่น และอยากให้เข้มงวดมากขึ้น เรื่องการทำงานเชิงรุกเป็นเรื่องสำคัญ การเทรนนิ่ง ให้องค์ความรู้ ก็สำคัญ แต่เราต้องล้วงลูก ลงไปทำงานจริง และยึดทรัพย์โดยเร็ว ไม่งั้นทรัพย์จะถูกแปรไปได้ง่าย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สังคมกำลังจับตาดูอยู่ในเรื่องของยาเสพติด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันทั้งหมด รวมถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ประกาศแผนจังหวัดสีขาว หากยังมีกระแสเงินอยู่ก็ไม่จบ ต้องต่อจิ๊กซอว์ ให้ครบทุกภาคส่วน และถือเป็นวาระแห่งชาติ และรัฐบาลได้ประกาศไปแล้วว่าต้องเป็นจังหวัดสีขาว และต้องทำได้ภายในสิ้นไตรมาสสาม ต้องทำให้ได้ เพราะเรื่องของยาเสพติดเป็นสารตั้งต้นของปัญหาต่าง ๆ ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี และทำควบคู่กันไป ก็เป็นการตัดต้นตอการผลิต และตัดต้นตอของแหล่งเงิน
นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีอีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเรื่องของเว็บพนันออนไลน์ด้วย เร่งทำงานเชิงรุกปิดเว็บไซต์ ขยายผลถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและใช้มาตรการทางกฎหมายในการยึดทรัพย์อย่างเข้มงวดตัดวงจรการกระทำผิดและวงจรของเจ้าของเว็บไซต์ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำงานร่วมกันกับ ป.ป.ง., กสทช., ธนาคารแห่งประเทศไทย, ดีเอสไอ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ตัดตอนการโอนเงิน โดยเฉพาะการแก้ไขบัญชีม้า ไปจนถึงการยึดทรัพย์เพื่อมาเยียวยาผู้เสียหาย ตลอดจนหาแนวทางการแก้ไขธุรกรรมทางการเงินให้รัดกุม เพื่อไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญขออย่าประมาท ฝ่ายแนวรุกที่ลงพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคต่าง ๆ ก็มีการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ซึ่งป.ป.ง. ไม่ใช่หน่วยงานแนวหน้า แต่ก็ขออย่าประมาท ให้ดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วย พัฒนาตนเองด้วยองค์ความรู้ใหม่ ๆ ขวนขวายศึกษาเรียนรู้วิธีการให้เท่าทันมิจฉาชีพ โดยไปขอความร่วมมือจากธนาคาร ที่สนับสนุนให้พนักงานของเราไปเรียนรู้งานให้มากขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สิ้นไตรมาสเราจะมาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะการตัดตอน หากไม่มีเงินทุนก็ทำไม่ได้ และเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศเราก็ให้ความสำคัญ โดยช่วงบ่ายวันนี้จะพบกับเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย และในสัปดาห์หน้า จะพบกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งพูดคุยกันในประเด็นการปราบปรามยาเสพติด ที่ไม่ได้หมายถึงยาบ้าเพียงอย่างเดียว ยังมีเฮโรอีน และถ้าหากหน่วยงานใดต้องการประสานงานเป็นพิเศษก็ขอให้บอก อยากให้ทำงานร่วมกันให้เยอะ ๆ อย่าทำงานเป็นไซโล ให้ทำงานเชิงรุกให้มองปัญหาไปข้างหน้า ขอเป็นกำลังใจให้