POLITICS

กรุงเทพธนาคม ถก บีทีเอส ปมสายสีเขียว เสนอเคลียร์หนี้สินให้ตรงกันก่อนชำระ

กรุงเทพธนาคม ถก บีทีเอส ปมสายสีเขียวนัดแรก เสนอเคลียร์หนี้สินให้ตรงกันก่อนชำระ ด้าน บีทีเอส ยันไร้ปัญหาเปิดเผยสัญญา แต่ต้องทำให้เท่าเทียมเหมือนสายอื่น

วันนี้ (18 ก.ค. 65) ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ร่วมหารือปมสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ศาตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า การเปิดเผยสัญญา ได้มีการมอบสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคมกับบีทีเอสซี ไปยัง กทม.ในฐานะผู้ถือหุ้นแล้ว ซึ่งบีทีเอสซีได้รับทราบ แต่การจะเปิดเผยสัญญา ขอให้เปิดเผยเนื้อหาเหมือนกับรถไฟฟ้าสายอื่น เพราะหากเปิดเผยทั้งหมดอาจจะทำให้เสียเปรียบในการดำเนินธุรกิจ

ส่วนคดีความที่บีทีเอสซีฟ้องกรุงเทพธนาคม และ กทม.ผ่านศาลปกครอง เรื่องค่าจ้างเดินรถ และค่างานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล กรุงเทพธนาคมเสนอให้เจรจาตัวเลขหนี้สินให้ตรงกัน ก่อนที่จะมีคำพิพากษาของศาล เพื่อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย เนื่องจากการพิจารณาคดีของศาลนั้นกินระยะเวลานาน

การเจรจาในเนื้อหาของสัญญา กรุงเทพธนาคม เสนอให้มีคณะทำงานของแต่ละบริษัทศึกษา ซึ่งกรุงเทพธนาคมจะจ้างบริษัทที่ปรึกษามืออาชีพ ไม่มีผลประโยชน์ที่ขัดกัน ในระยะเวลา 45-60 วัน กรณีที่มีความคืบหน้าพอสมควร จะมีการหารือร่วมระหว่างคณะทำงานของแต่ละบริษัทอีกครั้งใน 4 ประเด็นของสัญญา

1.ค่าจ้างเดินรถ ที่เป็นอัตราเดียวมา 10 ปี ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงต้องมาศึกษา

2.ค่าโฆษณาที่ติดอยู่ตามรถไฟฟ้า ทั้งในส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2

3.เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเข้าออกสถานี ระบบการชำระบัญชี ต้องมีความชัดเจนสอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน

4.ทบทวนระยะเวลาของสัญญาจ้างเดินรถ 30 ปี ถึงปี 2585 ด้วยเหตุผลบนข้อมูลที่พิสูจน์ได้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บีทีเอสซี ไม่มีปัญหาในการเปิดเผยสัญญา แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม เพราะรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ มีหลายสาย มีการแข่งขันกัน รถไฟฟ้าสายอื่นเปิดเผยสัญญาแบบใด บีทีเอสจะเปิดเผยแบบนั้นเช่นกัน ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ระบุว่า เมื่อเซ็นสัญญาแล้วให้เปิดเผยเฉพาะสาระสำคัญ เพราะข้อมูลบางอย่างมีความอ่อนไหวในทางธุรกิจ เมื่อมีการตัดสินใจแล้วขอให้มีการทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนำเรียนกับคณะกรรมการบริษัท

โดยระหว่างการทำงานของคณะที่ปรึกษากรุงเทพธนาคม จะมีการพูดคุยกับคณะทำงานชุดย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ย้ำว่าบีทีเอสซีปรับเทคโนโลยีอยู่ตลอด ทั้งระบบตั๋วร่วมแรบบิท และประตูกั้นชานชลา สำหรับเรื่องการคิดค่าโดยสารในส่วนต่อขยายที่ 2 อยากให้ทางกรุงเทพธนาคมกับ กทม.สรุปกัน เพราะบีทีเอสซี ต้องมีการปรับแก้ระบบรองรับ เช่น การประชาสัมพันธ์ ป้ายแจ้งอัตราค่าโดยสารใหม่ เพื่อให้ประชาชนทราบ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน

ส่วนเรื่องคดีความทางศาสตราจารย์พิเศษธงทอง ไม่อยากรอให้ถึงศาลตัดสิน อาจมีการชำระหนี้ก่อน เพราะดอกเบี้ยเดินทุกวัน โดยหนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 2 จากที่ฟ้องไปเดือนกรกฎาคม 2564 มีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันรวมดอกเบี้ยประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนหนี้งานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ปัจจุบันรวมดอกเบี้ยประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าได้ข้อตกลงแล้วอาจจะมีการถอนฟ้องได้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดี มีการพูดคุยว่าจะมีการแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะบีทีเอสซีก็มีหนี้สิน เริ่มตึงแล้ว อยากให้เร่งรัดในเรื่องนี้ ส่วนการเจรจาวันนี้ก็ดี เพราะไม่อยากเจรจาผ่านสื่อ อยากให้เป็นการคุยโดยตรง แล้วนำผลเจรจามาเรียนสื่อ

Related Posts

Send this to a friend