กมธ.ขอดึงร่าง พ.ร.บ.ประชามติ กลับไปทบทวน 2 สัปดาห์ หลังถกเถียง ม.9 ปมเงื่อนไขจัดประชามติ ขณะสมาชิก จี้ สภาประสานเปิดวิสามัญเดือนเมษายนนี้
การประชุมรัฐสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระ 2 และ 3 โดยเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ถกเถียงกันกว่าชั่วโมง ในมาตรา 9 เงื่อนไขที่สามารถดำเนินการจัดการออกเสียงประชามติได้ 2 กรณี ได้แก่ การออกเสียงประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และการออกเสียงประชามติ ในประเด็นที่ ครม. เห็นสมควร แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ จนทำให้ที่ประชุมรัฐสภาต้องลงมติ
จากนั้น ผลการลงมติ รัฐสภาเห็นด้วย กับ กมธ.เสียงข้างน้อย ชนะด้วยคะแนนเสียง 273 : 267 ที่ให้เพิ่มเงื่อนไขในการจัดการออกเสียงประชามติอีก 3 กรณี คือ ในประเด็นที่กฎหมายกำหนดให้ทำประชามติ กรณีที่รัฐสภาเห็นชอบให้คณะรัฐมนตรีจัดประชามติ และประชาชนสามรถเข้าชื่อ เพื่อขอมติ ครม. ทำประชามติได้
ทั้งนี้ ได้เสียงฮือฮาจากที่ประชุม นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา เสนอให้นับคะแนนใหม่ จนได้รับเสียงโห่จากที่ประชุม มีการประท้วงกัน จนประธานที่ประชุม ต้องชี้ขาดว่าได้ผ่านมาตรานี้ไปแล้ว ถือว่ายุติ ไม่สามารถกลับมาลงมติได้อีก
ขณะเดียวกัน การปรับแก้ไขดังกล่าวของรัฐสภา ได้ส่งผลกระทบไปยังมาตราอื่นๆ ของร่างกฎหมายประชามติด้วย อย่างน้อย 4 มาตรา จนทำให้ประธานการประชุม ต้องสั่งพักการไปชุมไปกว่า 1 ชั่วโมง
ก่อนที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานกรรมาธิการฯ จะขอที่ประชุม ดึงร่างกฎหมายประชามติฉบับนี้ กลับไปปรับแก้ในมาตราอื่นๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้สอดคล้องกับ 5 เงื่อนไขในการจัดการออกเสียงประชามติอีกครั้ง
ด้าน ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ,พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ยินยอมให้กรรมาธิการฯ นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กลับไปแก้ไขให้เสร็จสิ้น พร้อมขอร้องให้ประธานรัฐสภา ประสานไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อขอเปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญ ในช่วงเดือนเมษายน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติในวาระ 2 และ 3 รวมถึงร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด ที่กรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ แต่ยังค้างการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 มาพิจารณาให้เสร็จสิ้นด้วย