POLITICS

‘อังคณา’ เผย ถอนญัตติป่วยทิพย์ ชี้ ข้อมูลไม่พอ ยื่นอีกครั้งสมัยประชุมหน้า

‘อังคณา’ เผย ถอนญัตติป่วยทิพย์ ชี้ ข้อมูลยังไม่เพียงพอ คาดยื่นอีกครั้งสมัยประชุมหน้า ลั่น ไม่กลัวถูกฟ้องแต่ต้องรอบคอบ จี้ ‘ทักษิณ-ยุติธรรม’ แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด

วันนี้ (18 ก.พ. 68) นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยว่า​ ได้ถอนญัตติเรื่องขอให้วุฒิสภาพิจารณาหาแนวทางปฏิบัติในการให้สิทธิ์แก่ผู้ต้องขังที่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน เนื่องจากข้อมูลยังไม่เพียงพอ ขาดข้อมูลด้านการแพทย์ หลังขอข้อมูลแล้วถูกอ้างเป็นสิทธิของผู้ป่วย อีกทั้งมีหลายคนติงว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงต้องดูว่าข้อกฎหมายตัดอำนาจ สว. ในการอภิปรายเรื่องนี้หรือไม่

นางอังคณา​ ยืนยันว่า​ ไม่ได้กลัวเรื่องของการถูกฟ้องร้อง เพราะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมาตลอด และตอนนี้ดำรงตำแหน่งวุฒิสภา จึงให้ความเห็นเรื่องนี้ในทางวิชาการ ไม่ได้โจมตีบุคคล คิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่ควรนำมาซึ่งการถูกฟ้องร้อง เพราะความเห็นในเชิงวิชาการควรได้รับความเคารพ

นางอังคณา ยังกล่าวถึงจุดยืนของเรื่องนี้ว่า​ เห็นตรงกันกับรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ระบุว่า การที่​ นายทักษิณ ชินวัตร นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ 181 วัน โดยที่ไม่มีการย้ายเข้าออก จึงสงสัยว่าอาการไม่ดีขึ้นเลยหรือ และมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาพยายามขอข้อมูลจากหน่วยงาน แต่มักจะถูกอ้างว่าเป็นข้อมูลของผู้ป่วย ไม่สามารถเปิดเผยได้ มองว่าผู้ที่ถูกตั้งข้อสงสัยควรจะสละสิทธิ์นี้ เพื่อเปิดเผยข้อมูล เพราะเรื่องนี้สาธารณะคลางแคลงใจมาก

“เราก็งงอยู่ว่า 180 วัน รักษาโดยที่ไม่ได้ออกมาเลยหรือ และพอออกมาแล้ว ก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เคยป่วยวิกฤตมาก่อน จึงเป็นคำถามว่า หากเป็นกรณีผู้ป่วยรายอื่น จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันแบบนี้หรือไม่” นางอังคณา กล่าว

นางอังคณา กล่าวว่า จุดยืนและเป้าหมายที่เสนอญัตตินี้ มองว่าผู้ป่วยทุกคนควรได้รับสิทธิ์ในการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน ควรเปิดโอกาสไปคุมขังที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ เช่น กรณี ‘บุ้ง-เนติพร’ ที่ควรได้รับการรักษาใกล้ชิดกับแพทย์เฉพาะทาง​ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะกลับมายื่นญัตติดังกล่าวได้อีกครั้งในสมัยประชุมหน้า

ส่วนความคาดหวังการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการเคลียร์ประเด็นดังกล่าว ก็ต้องมั่นใจ เพราะกรรมการสิทธิฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์กรอิสระได้ตรวจสอบแล้ว และต้องดูว่า ป.ป.ช. สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ที่เป็นข้อมูลส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหน และต้องดูว่า ป.ป.ช.มีอำนาจเรียกข้อมูลได้มากกว่ากรรมสิทธิฯ หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือเวลาที่สังคมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาจะถูกตอบโต้อย่างคราวที่แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ถูกพูดลอย​ ๆ ว่าประเทศไทยไม่มีพลตำรวจเอกหญิง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย และสุดท้ายก็ยังคงมีความคลุมเครือ​ มองว่าเรื่องนี้กระทรวงยุติธรรม และนายทักษิณ ควรออกมาชี้แจง เพื่อให้เป็นมาตรฐานคุ้มครองคนทุกคนอย่างเท่าเทียม

Related Posts

Send this to a friend