ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ชี้ ภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเสียหายจากสแกมเมอร์ปีละ 1.4 ล้านล้านบาท
ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ชี้ ภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเสียหายจากสแกมเมอร์ปีละ 1.4 ล้านล้านบาท แนะนานาชาติใช้กรอบอาเซียนคุ้มครองเหยื่อ หาแนวทางตั้งถิ่นฐานใหม่ ปกป้องสิทธิพลเมือง-นักข่าว
วันนี้ (17 ธ.ค. 68) นายโวลเกอร์ เติร์ก (Volker Türk) ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวในช่วงเปิดการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพมหานคร ว่า กลุ่มอาชญากรที่ดำเนินการหลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาคลำน้ำโขงและที่อื่น ๆ ฉ้อโกงประชาชนเป็นมูลค่าประมาณ 43,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี พวกเขาทำลายชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่ถูกกักขังในศูนย์สแกมเมอร์ การหลอกลวงออนไลน์ได้กลายเป็นรูปแบบใหม่ที่น่ากังวล มีผู้ตกเป็นทาสและการค้ามนุษย์มีการประมาณว่ามีผู้คนหลาย 100,000 คนจาก 60 ประเทศถูกล่อลวงให้ไปทำงานในศูนย์สแกมเมอร์โดยสถานที่หนึ่งอาจอยู่หลาย 10,000 คน สมาชิกเครือข่ายอาชญากรกำลังกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและเป็นระบบ ซึ่งรวมถึงการทรมานการบังคับใช้แรงงานความรุนแรงทางเพศการกดขี่ด้วยหนี้สินและการขาดแคนการดูแลทางการแพทย์
เมื่อได้รับความช่วยเหลือผู้รอดชีวิตก็ได้รับการสนับสนุนน้อยและมาก และหลายคนถูกปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรบางคนถูกจับกุมและควบคุมในข้อหาละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองหรือกฎหมายแรงงาน หรือจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมผิดกฎหมายที่ถูกบังคับให้ทำบางคนถูกส่งกลับแม้จะมีความเสี่ยงต่อการถูกส่งกลับไปเผชิญอันตราย
การประชุมนี้จะเป็นโอกาสหารือเกี่ยวกับเครื่องมือทางกฎหมายและนโยบายเพื่อยุติเครือข่ายการแสวงหาผลประโยชน์และการละเมิดที่เลวร้ายนี้ รัฐต่าง ๆ สามารถต่อยอดจากประสบการณ์ร่วมในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และรับรองว่าสิทธิมนุษยชนของเหยื่อจะได้รับความสำคัญสูงสุด ประการแรกเราต้องมีการระบุเหยื่อและผู้ที่มีความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้นก่อนที่จะสายเกินไป กรอบการทำงานที่มีอยู่เป็นเครื่องมือที่มีค่า ซึ่งรวมถึงแนวทางของอาเซียนเกี่ยวกับการลงโทษเหยื่อการค้ามนุษย์ การรับรองว่าจะให้การสนับสนุนที่เพียงพอสำหรับเหยื่อเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงสถานคุ้มครองสวัสดิภาพและการบริการด้านจิตสังคม
ประการที่สอง รัฐต้องพิจารณาแนวทางให้ผู้คนสามารถอยู่ต่อหรือได้รับการการตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกบังคับส่งกลับไปยังประเทศที่เสี่ยงต่อการถูกหรืออันตรายร้ายแรง
ประการที่สาม รัฐต้องปกป้องพื้นที่พลเมืองและเสรีภาพของสื่อ นักข่าวเป็นกลุ่มแรกที่ส่งสัญญาณเตือนถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ซับซ้อน เมื่อพื้นที่พลเมืองถูกจำกัดและนักข่าวถูกคุกคามความจริงก็จะไม่ปรากฏและผู้ค้ามนุษย์ก็จะเติบโต
กุญแจสำคัญในการป้องกัน แม้ว่ากว่า 70% ของการปฎิบัติการหลอกลวงจะอยู่ในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและขยายตัวอย่างรวดเร็ว รัฐต้องระบุชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อคำสัญญาจ้างงาน โอกาสที่เป็นเท็จ และจัดการมาตรการป้องกัน เรากำลังใช้ข้อมูลเชิงลึกจากวิทยาศาสตร์และพฤติกรรมเพื่อระบุว่าทำไมผู้คนถึงพาตนเองไปสมัครงานเหล่านี้ ข้อมูลจะช่วยให้การตอบสนองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นการประชุมครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความพยายามปกป้องที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากภัยคุกคามที่เติบโตอย่างรวดเร็ว












