’ดร.เอ้’ พร้อมด้วย ว่าที่ผู้สมัคร สส. ไทยก้าวใหม่ จ.สระแก้ว เยี่ยมศูนย์พักพิงผู้อพยพชายแดน
ดร.เอ้’ พร้อมด้วย ว่าที่ผู้สมัคร สส. ไทยก้าวใหม่ จ.สระแก้ว เยี่ยมศูนย์พักพิงผู้อพยพชายแดน พบชาวบ้านเดือดร้อนหนัก เรียกร้องรัฐบาลดูแลสภาพภายในศูนย์ให้ดีกว่านี้ – จ่ายเงินเยียวยาทันที – เร่งสร้างรั้วแนวชายแดน พร้อมใช้ความรู้ทางวิศวกรรมออกแบบให้
วันนี้ (17 ธ.ค. 68) ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ พร้อมด้วย นายณัฐวัฒน์ บูรณะกนก รองหัวหน้าพรรค, นายชาญ สุคนธ์ ผู้ประสงค์ลงสมัคร สส. จ.สระแก้ว เขต 1, นายเกียรติศักดิ์ สุดแดน ผู้ประสงค์ลงสมัคร สส. จ.สระแก้ว เขต 2 และนางนงรัตน์ จันทะมา ผู้ประสงค์ลงสมัคร สส. จ.สระแก้ว เขต 3 ลงพื้นที่ศูนย์พักพิง จังหวัดสระแก้ว เพื่อเยี่ยมประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว หลังเกิดเหตุการปะทะไทยและกัมพูชา
ระหว่างการเยี่ยมเยือนพบปะกับผู้อพยพ ได้มีการพูดคุยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสภาพความเป็นอยู่ในศูนย์พักพิงผู้อพยพ โดยส่วนใหญ่กล่าวว่า รู้สึกห่วงใยบ้านเรือนไร่นา ทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยง ที่ต้องทิ้งมาเพราะอยู่ในพื้นที่ปะทะ ซึ่ง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ รับฟังด้วยความห่วงใย และให้กำลังใจทั้งผู้อพยพ เจ้าหน้าที่ พม. พยาบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในศูนย์พักพิงด้วย

สำหรับศูนย์พักพิงแห่งนี้ มีผู้อพยพกว่า 1,806 คน โดยได้นอนภายในโดม หรือลานใต้อาคาร ซึ่งจะมีมุ้งจากทาง ปภ. จัดไว้ให้
จากนั้น ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสนาม จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้กำลังใจแพทย์ และพยาบาลที่ดูแลชาวบ้าน และผู้ป่วย ซึ่งเป็นจุดที่เปลี่ยนพื้นที่สาธารณะให้เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากมีการปิดโรงพยาบาลในพื้นที่แนวชายแดน และเดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิงอีกหนึ่งจุดในจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้กำลังใจผู้อพยพที่ต้องทิ้งบ้านเรือน มาอยู่ที่ศูนย์พักพิง
ดร.เอ้ สุชัชวีร์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ว่า ได้มาพบเห็นและเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้อพยพ ซึ่งน่าเห็นใจมาก เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร เช่นชาวบ้านที่อยู่บริเวณชายแดน โดยเฉพาะบ้านหนองจาน อพยพครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว และยาวนานกว่าสิบวัน หลายคนไม่รู้เลยว่าลูก ๆ และที่บ้านเป็นอย่างไร เพราะต้องรีบหนีออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลศูนย์พักพิง ได้ให้การช่วยเหลืออย่างดีที่สุด แต่ด้วยเป็นการอพยพอย่างเร่งด่วน และมีผู้อพยพจำนวนมาก ทำให้บางคนต้องนอนพื้นเปล่า ๆ เด็กเล็กและผู้สูงอายุ โดยเด็กเล็กไม่มีนมกิน ที่มีก็เป็นของผู้ใหญ่ ถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องจัดหานมสำหรับเด็กและทารก อีกทั้งผู้สูงอายุที่มีจำนวนมาก บางบ้านต้องอพยพเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงตั้งแต่คุณปู่จนมาถึงชั้นเหลนเลยทีเดียว เราเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ หมอ พยาบาล ก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลเรื่องสุขภาพผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ผู้ที่อพยพเข้ามาส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย รับจ้างทั่วไป ได้ค่าแรงวันละ 300 – 400 บาท เป็นชาวนา เลี้ยงสัตว์ การมาอยู่นานถึงสิบกว่าวัน รายได้ก็หายไป 3,000 – 4,000 บาท สัตว์เลี้ยงที่ยังอยู่ในพื้นที่ปะทะจะอยู่อย่างไร ดังนั้น รัฐต้องให้เงินเยียวยาทันที ตั้งแต่ยังอยู่ในศูนย์พักพิง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่อีกนานแค่ไหน เงินเยียวยาไม่ต้องรอให้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยจ่าย เพราะรายจ่ายเกิดขึ้นทุกวัน ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวัน ต้องจ่ายกันวันนี้ทันทีเลย

ส่วนเรื่องการป้องกันเหตุในอนาคต เห็นว่าถึงเวลาทำรั้วแนวชายแดน ทุกคนพูดเหมือนกัน มิฉะนั้น ปัญหาข้อพิพาทไม่จบ ตนเองขออาสาออกแบบรั้วที่มั่นคงแข็งแรงปลอดภัยตามแนวชายแดนเลย เรามีวิศวกรที่เก่ง และรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้รวดเร็ว ปลอดภัย ป้องกันอันตรายได้
“ผมเอง ในฐานะวิศวกร และทีมงาน ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ขออาสาที่จะออกแบบกำแพงที่ดีให้เลย เพื่อเป็นแนวป้องกันที่ปลอดภัย” ดร.เอ้ สุชัชวีร์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ กล่าว
เมื่อถามว่า กังวลว่าสถานการณ์ชายแดนจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ หลังมีการยุบสภา ซึ่งเปรียบเหมือนสุญญากาศทางการเมือง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ยอมรับว่า รู้สึกกังวล เพราะมีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง หลายบ้านยังมีคนในครอบครัวอยู่ดูแลบ้านเรือนไม่กล้าทิ้งบ้านมา ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นตาร้ายดีอย่างไร
ดร.เอ้ สุชัชวีร์ พรรคไทยก้าวใหม่ ย้ำว่า รัฐบาลต้องดูแลศูนย์อพยพให้ดีที่สุด ต้องเยียวยารายได้ที่สูญเสียไปทันที พวกเราทุกคนมาในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย โดยถือว่าครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่จริง ๆ ที่หลายคนอาจจะไม่ได้เห็น
ด้าน นางนงรัตน์ จันทะมา ว่าที่ผู้สมัคร สส. เขต 3 ระบุว่า สถานการณ์ในพื้นที่อำเภอโคกสูงยังมีความเสี่ยงสูง ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางกลับ เนื่องจากยังเป็นพื้นที่สีแดง และมีเหตุจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ ส่งผลให้ไร่นาและป่าอ้อยได้รับความเสียหาย พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเยียวยาอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ เสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่ยังคงกังวลว่าสถานการณ์อาจยืดเยื้อ และเรียกร้องให้รัฐเร่งสร้างแนวป้องกัน-กำแพง ควบคู่กับการเยียวยาความเสียหาย เพื่อสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม













