POLITICS

กมธ.ชายแดนใต้ แถลงการณ์เรียกร้องเร่งนำตัวจำเลยคดีตากใบส่งศาล

กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ แถลงการณ์เรียกร้องเร่งนำตัวจำเลยคดีตากใบส่งศาล หวั่นส่งผลกระทบวงกว้าง

วันนี้ (17 ต.ค. 67) นางสาวพรรณิการ์ วานิช และนายฮานาฟี หมีนเส็น โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา และเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร อ่านแถลงการณ์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตากใบ โดยระบุว่า

การสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม 7 ราย และเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหารอีก 78 ราย รวมเป็น 85 ราย นับเป็นคดีที่เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในความขัดแย้งชายแดนใต้และสร้างความรู้สึกไม่ไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลอย่างลึกซึ้ง

แม้ว่ารัฐบาลจะได้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้สูญเสีย โดยมีการกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 และมีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2555 แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนในเหตุการณ์กลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

คดีที่มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่หน้าสภ.ตากใบ ถูกอัยการระงับการสอบสวนไปเมื่อปี 2549 เนื่องจากไม่พบตัวผู้กระทำผิด และคดีการเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายผู้ชุมนุมไปค่ายอิงคยุทธฯ ก็ยุติการดำเนินคดีไปเมื่อปี 2552 โดยตำรวจ สภ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี ลงความเห็นว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายของผู้ตายทั้ง 78 ราย เกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามหน้าที่ มิได้เป็นผลแห่งการกระทำความผิดอาญา

ในปี 2566 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรได้ติดตามความคืบหน้าในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้สูญเสีย นำมาสู่การรื้อฟื้นคดีอาญาเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แบ่งเป็น 2 คดีด้วยกัน

คดีแรก ตำรวจภูธรภาค 9 ตั้งคณะทำงานของพนักงานสอบสวนเพื่อทำสำนวนคดีขึ้นมาใหม่ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 8 อัยการสั่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา คดีที่สอง ญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวฟ้องต่อศาลโดยตรง ศาลจังหวัดนราธิวาสรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่รัฐ 7 ราย เป็นจำเลย บัดนี้เหลือเวลาเพียง 8 วันก่อนคดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ปรากฏว่าตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ถูกออกหมายจับได้แม้แต่คนเดียว

คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความกังวลอย่างยิ่งว่า หากไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลได้ก่อนหมดอายุความ จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในอย่างน้อย 3 ระดับ คือ

1.ประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้จะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกปฏิบัติอย่างสองมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอุปสรรคในการสร้างความสมานฉันท์และสันติภาพในพื้นที่ นอกจากนี้คดีตากใบจะเป็นอีกคดีที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด (impunity) ในสังคมไทย

2.กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาจนำประเด็นดังกล่าวไปขยายผล และใช้เป็นข้ออ้างก่อเหตุรุนแรง เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มีต่อรัฐบาล นำมาสู่ความสูญเสียในพื้นที่เพิ่มขึ้น

3.อาจเกิดความไม่แน่นอนในสถานะของการพูดคุยสันติสุขระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งมีการพูดคุยสันติสุขรอบใหม่มาแล้วในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน และยังอยู่ระหว่างการกำหนด
นโยบาย ที่ชัดเจนในการคลี่คลายความขัดแย้งในชายแดนใต้โดยรัฐบาลปัจจุบัน

คณะกรรมาธิการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้เวลาอันจำกัดที่เหลืออยู่นี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีตากใบ จะดำเนินการอย่างสุดความสามารถในการทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไปตามครรลอง และอำนวยความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ทั้งประชาชนผู้สูญเสีย และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์

คณะกรรมาธิการเห็นว่ารัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมให้กลับคืนมาและ ให้ความยุติธรรมกับผู้สูญเสียทุกคน ด้วยการนำผู้ถูกกล่าวหามาแสดงตนเพื่อพิสูจน์ตนเองต่อศาลตามระบบยุติธรรมต่อไป

และสุดท้าย หากไม่สามารถดำเนินการนำตัวจำเลยมาเข้ากระบวนการได้ทันเวลาก่อนหมดอายุความ คณะกรรมาธิการเสนอให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อผู้เสียหายโดยมีคำแถลงชี้แจงอย่างเหมาะสมและชัดเจน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายปมความขัดแย้งในชายแดนใต้และปูทางไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต

Related Posts

Send this to a friend