’ทนายอนันต์ชัย‘ ยื่น ป.ป.ช. สอบ ‘เศรษฐา’ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปม ตั้ง ผบ.ตร.
’ทนายอนันต์ชัย‘ ยื่น ป.ป.ช. สอบ ‘เศรษฐา’ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปม ตั้ง ผบ.ตร. มิชอบด้วยกฎหมาย ยืนยัน มาในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวการเมือง พร้อมทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าทุก 15 วัน ขีดเส้น เร่งรัดตรวจสอบภายใน 3 เดือน
วันนี้ (17 ต.ค. 66) เวลา 10:00 น. นายอนันต์ชัย ไชยเดช เข้ายื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 หรือไม่ กรณีพิจารณาแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่าการเดินทางมาในวันนี้ มาในนามส่วนตัว ในฐานะประชาชน ไม่ใช่ในนามทนายความ และไม่ได้มาในฐานะที่รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จึงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตนเองเคยพูดเสมอว่า ไม่สนใจการเมือง และไม่เล่นการเมือง มีคนมาชวนให้ลงการเมืองหลายครั้ง แต่ก็ปฏิเสธมาตลอด หน้าที่เดียวคือการไปเลือกตั้ง หลังจากนั้นรัฐบาลจะเป็นอย่างไรตนเองไม่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะถือว่ามีหน้าที่เป็นพลเมืองเท่านั้น
โดยการออกมายื่นเรื่องในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้นำของประเทศ มีภาวะผู้นำ แลรักษาจริยธรรม โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถือว่าเป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม แต่เมื่อการคัดเลือกผู้นำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไม่เป็นไปตามกฎหมาย และไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม การทำหนังสือในครั้งนี้เพื่อ ผู้นำของประเทศหรือนายกรัฐมนตรีจะได้มีจิตสำนึก ว่าสิ่งที่ทำ หรือใช้อำนาจไปนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายอนันต์ชัย ยืนยันว่าสิ่งที่ตนทำเพื่อตำรวจ 200,000 กว่านาย เพราะตนเองอยู่กับอดีต ผบ.ตร. และรักองค์กรตำรวจ ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง คนที่จะวิจารณ์ก็วิจารณ์ได้ แต่อย่าด่า ซึ่งตนเองเชื่อว่าทุกคนมีปัญญา แต่ต้องมีสติสัมปชัญญะในการวิพากษ์วิจารณ์ และดูให้ถี่ถ้วนด้วยว่าสิ่งที่พูดจริงหรือไม่
นายอนันต์ชัย ระบุว่า ในการประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก.ตร. ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่มีลำดับอาวุโสเป็นลำดับที่ 4 ให้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยตนเองมองว่า แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังขัดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ด้วย คือ การเสนอชื่อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่เป็นไปตามลำดับอาวุโส และไม่เป็นไปตามผลงานที่ปรากฏ
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ซึ่งมีลำดับอาวุโสเป็นลำดับที่ 1 ควรได้รับการเสนอชื่อมากกว่า เพราะมีผลงานการสืบสวนสอบสวนและการป้องกันปราบปรามจำนวนมาก ในขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีผลงานแค่ประมาณ 10 ปี ทั้งนี้ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะมีลำดับอาวุโสเป็นลำดับที่ 2 จึงไม่ได้มองว่าต้องได้รับการเสนอชื่ออยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่อง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน ที่ได้ร่วมลงมติเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ทั้ง 2 ท่านนี้ คือ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง เป็น ก.ตร. ที่นายเศรษฐา ได้แต่งตั้งให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเข้าค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การลงมติก็อาจไม่เป็นกลาง ซึ่งในที่ประชุมนั้น นายเศรษฐา ก็ไม่ได้แสดงความเห็นว่า ก.ตร. 2 ท่านนี้ ไม่สมควรที่จะมาเป็นผู้เลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ส่วน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เป็นเพียงคนเดียวที่คัดค้าน ซึ่งตนเองประทับใจมากในคำพูดที่บอกว่า ได้คัดค้าน เพราะเห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยได้แสดงความคิดเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด เพื่อประโยชน์ขององค์กรตำรวจและประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งตนมองว่า พลตำรวจเอกเอก เป็นฮีโร่ เป็นซุปเปอร์แมน เป็นตำรวจคนเดียวที่กอบกู้เกียรติยศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทนายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่าในคำร้องตนเองได้แนบหลักฐาน ที่อ้างว่าได้รับการส่งข้อความผ่านแชทไลน์มาว่า ในการประชุมวันดังกล่าว มีโพยที่บอกว่าให้เลือกใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร และหากจริง ใครจะเป็นคนสั่ง แต่ก็ได้แนบไปให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบ โดยยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าบิ๊กเซอร์ไพรส์ เพราะถ้ามีการไต่สวนก็จะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และหากพบความผิดว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็ต้องถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และอาจถูกตัดสิทธิ์การลงรับสมัครเลือกตั้งด้วย โดยหลังจากนี้ ตนเองจะทำหนังสือมาสอบถามทุก 15 วัน และได้กำชับว่าให้เร่งรัดการตรวจสอบภายใน 3 เดือน เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจ
