‘รวมไทยสร้างชาติ’ ประกาศร่วมรัฐบาล ‘เพื่อไทย’ หนุน ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ
ปัดต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แต่มีบุคลากรเหมาะสมพร้อมทำงานทุกตำแหน่ง
วันนี้ (17 ส.ค.66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการแล้ว เห็นพ้องร่วมกันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนต่อไป
พร้อมย้ำจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติคือ จะไม่ร่วมงานกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ จะไม่มีพรรคการเมืองดังกล่าว
ส่วนประเด็นที่สื่อบางสำนักเสนอข่าวว่ามีการเจรจาเรื่องกระทรวงพลังงาน ขอยืนยันว่าไม่ได้มีการเจรจาต่อรองกระทรวงใด ๆ ทั้งสิ้น วันนี้เพียงตกลงในหลักการว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น อย่างไรก็ตามพรรครวมไทยสร้างชาติก็มีบุคลากรเหมาะสม แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่มีบุคลากรที่มีประสบการณ์ทางการเมืองเคยเป็นรัฐมนตรี และ สส.หลายท่าน มีบุคลากรสามารถบริหารงานได้ทุกกระทรวงอยู่แล้ว การเจรจาตรงนั้นเป็นส่วนที่คณะเจรจาจะเข้าไปพูดคุยความเหมาะสม
โดยในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.66) ตนเองจะเป็นตัวแทนรวมไทยสร้างชาติไปประชุมวิป 3 ฝ่าย หารือกรอบแนวทางประชุมเรื่องนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 ส.ค.66 จึงยังมีเวลาให้คณะเจรจาพูดคุยกันรายละเอียดเรื่องโควตา ซึ่งการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยจะไม่มีปัญหาเนื่องนายทุน เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติขับเคลื่อนด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ส่วนจะต้องแถลงร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เป็นกลไกที่พรรคเพื่อไทยต้องบริหารจัดการ
เมื่อถามถึงกระแสสูตรรัฐมนตรีสูตร 2 + 2 นายอัครเดช กล่าวว่าไม่ทราบ เพราะรายละเอียดเก้าอี้รัฐมนตรีหรือการจะได้เข้าบริหารกระทรวงใด ยังไม่ได้รับข้อสรุป
ส่วนการโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย หากมีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนแล้ว สส.รวมไทยสร้างชาติทั้ง 36 เสียง พร้อมโหวตให้แน่นอน ส่วนข้อครหาที่ สว.หลายคนอาจจะไม่โหวตให้นั้น ต้องเป็นหน้าที่พรรคเพื่อไทยชี้แจง เพราะอยู่นอกเหนือกรอบที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะดำเนินการ และหากโหวตรอบแรกไม่ผ่านคงต้องรอทางคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทยหารือต่อไป อย่างไรต้องมีรัฐบาลใหม่ให้ได้ เพราะประชาชนเฝ้ารอคอยรัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหา ยิ่งล้าช้าออกไป ประเทศชาติ และประชาชนจะได้รับผลกระทบ มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งเข้าไปทำ เช่น พระราชบัญญัติงบประมาณฯ