‘อนุทิน’ หวังนั่งเก้าอี้ รมว.สธ.อีก สานต่อนโยบายกัญชา

‘อนุทิน’ ย้ำ ปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ ไม่เกี่ยวข้องการเมือง หวังนั่งเก้าอี้ รมว.สาธารณสุขอีก สานต่อนโยบายกัญชา เดินหน้าผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจ คาดอีก 3 ปี ตลาดกัญชา-กัญชงไทย โตทะลุ 4.2 หมื่นล้านบาท

วันนี้ (16 ส.ค.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดงาน “Meet the Press : กัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และเศรษฐกิจ” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยระบุว่า เนื่องในโอกาสปลดล็อกกัญชามา 2 เดือนเศษ สิ่งที่ดำเนินการต่อไปคือ การส่งเสริมพืชกัญชง-กัญชาในทางเศรษฐกิจ ขอชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่ผู้ปลดล็อก ผู้ที่เห็นชอบคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯ ฉะนั้นการปลดล็อกพืชกัญชง-กัญชา ไม่ใช่การใช้พรรคการเมืองมากดดันให้ออกจากบัญชียาเสพติด เพียงแต่เสนอเพื่อประโยชน์

นโยบายกัญชาเสรีเพื่อสุขภาพ และการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้สร้างผลกระทบ หลายท่านตื่นตระหนก ตีตนไปก่อนไข้ ขอยืนยันว่า ทั้งหมดทำไปเพื่อการแพทย์ และสุขภาพ หมายความว่า พันลำ ช่อดอก ลำต้น และเมล็ดที่ขายตามถนนข้าวสาร แล้วไม่ได้ขออนุญาตถือว่าผิดกฎหมาย ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุข

ข้อมูลจากกรมการแพทย์ ตั้งแต่ 6 มิถุนายน – 16 สิงหาคม 2565 พบผู้ป่วยที่มีภาวะพิษเฉียบพลันจากการใช้กัญชา 60 คนทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มลดลง เป็นตัวเลขที่ไม่มีนัยสำคัญใด ๆ เพราะศัตรูตัวจริงที่ทำลายสุขภาพคนไทยคือ ยาบ้า พบผู้ป่วยจากการเสพยาบ้าถึง 79.2% ชณะที่ผู้ป่วยจากการเสพกัญชามีเพียง 4.2%

หลังการปลดล็อกกัญชา เรามีแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” ปัจจุบันมีผู้จดแจ้งขอปลูกกัญชาในครัวเรือนแล้ว 1,100,000 ราย และมีผู้เข้าใช้แล้วกว่า 45 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นการขอออกใบจดแจ้งกัญชา 900,000 ใบ และออกใบจดแจ้งกัญขา 30,000 ใบ

ส่วนความคืบหน้าของ ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ … ว่า กรรมาธิการวิสามัญจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนบรรจุสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่าง พ.ร.บ.ที่สมบูรณ์ที่สุดฉบับหนึ่ง หลายคนบอกมีสุญญากาศ และความไม่รอบคอบ แต่หากทุกคนใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องมีร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะมี พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 อยู่แล้ว

นายอนุทิน ชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศ 4 ฉบับ ควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิด ได้แก่ ห้ามสูบกัญชาในที่สาธารณะ, ห้ามขายกัญชาให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร, ห้ามใช้ช่อดอกมาปรุงอาหาร และร้านที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มผสมกัญชาต้องติดป้ายแสดงสัญลักษณ์ให้ข้อมูลแก่ลูกค้า หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ

“ใครก็ตามที่ได้กลิ่นกัญชา เห็นการสูบกัญชาในพื้นที่สาธารณะ หากเป็นเจ้าพนักงานก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่บอกว่า ทำอะไรไม่ได้”

นอกจากนี้ยังมีการผลักดันให้โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข 200 แห่ง มี “คลินิกกัญชาทางการแพทย์” เพื่อให้ประชาชนได้รับยากัญชาที่มีคุณภาพและปลอดภัย ทั้งจากแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย หากมองกัญชาในฐานะพืชเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความต้องการมาก ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดโลก มีการประเมินมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมกัญชาไทย รวม 28,000 ล้านบาท มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,500 ไร่ คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาด 3 ปีข้างหน้า จะโตขึ้น 10-15% มีมูลค่าสูงถึง 42,800 ล้านบาท โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ อาทิ ยารักษาโรค อาหารเสริม อาหาร และเครื่องดื่ม จะสามารถสร้างรายได้กว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี

นานอนุทิน ระบุว่า นโยบายกัญชาเสรีจะช่วยเปิดทางให้กัญชา และกัญชงของไทย ชิงส่วนแบ่งในตลาดโลก มูลค่าราว 3.53 ล้านล้านบาท ในปี 2567 ตามรายงาน The Global Cannabis Report ของ Prohibition Partners ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมให้มีอุตสาหกรรมกัญชาอย่างถูกกฎหมายทั่วโลก ขณะเดียวกันตลาดกัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 26% ต่อปี มีมูลค่าประมาณ 2,700 ล้านบาท และคาดว่าจะโตได้ถึง 40,000 ล้านบาท ภายในปี 2570

“หากได้กลับมาก็ขอดูกระทรวงสาธารณสุขต่อ ต้องสานต่อ ดูแลให้ครบ สร้างดีมานต์ในตลาดยากัญชา”