กมธ.ความมั่นคงฯ ถกรับมือสหรัฐฯ ตัดงบค่ายผู้ลี้ภัย ‘โรม‘ จี้รัฐเร่งจัดการ
กมธ.ความมั่นคงฯ ถกรับมือสหรัฐฯ ตัดงบค่ายผู้ลี้ภัย ‘โรม‘ จี้รัฐเร่งจัดการ หยุดซุกปัญหาใต้พรม ด้าน สมช.แจงประสาน มท.-สธ. ประเมินค่าใช้จ่าย จ่อของบกลางช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หาแนวทางให้ผู้หนีภัยมีงานทำ
วันนี้ (17 ก.ค. 68) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ นัดประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากคำสั่งทางการบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต่อการระงับความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพโยกย้ายถิ่น ผู้หนีภัยการสู้รบ และผู้ลี้ภัยในเมือง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า อยากให้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ไม่ควรซุกปัญหาไว้ใต้พรมอีกแล้ว คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ มีโอกาสเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ค่ายแม่หละ จังหวัดตาก จึงรู้สึกว่าถึงเวลาจะต้องมีการจัดการเสียที ที่ผ่านมาเราส่งพวกเขาไปประเทศที่ 3 แต่สุดท้ายยังมีคนอีกจำนวนมากเกินหลักแสนคน เราจำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้
ตนเองทราบว่าการทำงานเรื่องนี้มักจะมีคนบางกลุ่มอาศัยเรื่องนี้มาโจมตีดิสเครดิต ปัจจุบันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทยมาจากต่างชาติ ไม่ใช่มาจากผู้หนีภัยการสู้รบกลุ่มนี้ แต่เรากำลังพูดถึงกลุ่มจีนเทา มาเฟียสีเทาที่จะต้องจัดการ ผู้หนีภัยการสู้รบพวกเขาไม่มีทางเลือกและต้องมาอยู่ที่ประเทศไทย มาอยู่ในค่ายที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่ดี จึงถึงเวลาที่จะต้องการจัดการเรื่องนี้เสียที
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่าการจัดการนี้จะไม่ทำให้ไทยเสียประโยชน์ แต่จะนำไปสู่การทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน ผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ของผู้หนีภัยการสู้รบสามารถไปด้วยกันได้ ไม่จำเป็นต้องทิ้งใครหรือผลักไสใคร ขออย่าเอาประเด็นที่เราถูกสอนกันมาผิด ๆ มาใช้ในการโจมตีดิสเครดิต ผมว่ามีแต่เสียกับเสีย
สำหรับกรอบในการประชุมวันนี้ คงต้องพูดกันตรง ๆ ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เพราะเงินงบประมาณจาก NGO ถูกตัดไปหมดแล้วซึ่งคณะกรรมาธิการมีข้อเสนอว่าหมดแล้ว โดยข้อเสนอที่ภาคประชาชนมาร้องเรียนก็จะหยิบยกหารือด้วย จะมีการออกกฎเกณฑ์กติกาอย่างไร รวมไปถึงการเรียนเรียนภาษาไทย ที่มีความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนให้เขาได้เข้าใจภาษาไทย เพื่อให้เกิดการสื่อสาร หากรู้ภาษาไทยก็จะไม่ถูกใครเอาเปรียบ
เรามีการพูดเรื่องการตัดงบประมาณของสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดี แนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ควรจะมีมาตั้งนานแล้ว นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็เป็นประธานอนุกรรมธิการที่ได้ศึกษาเรื่องนี้ ผู้หนีภัยการสู้รบที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยมา 30-40 ปี ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจัดการจากรัฐบาล ข้อเสนอภาคประชาสังคมและคณะกรรมมาธิการก็มีหมดแล้ว วันนี้จึงต้องลงมือ
“หากกลัวว่าเดี๋ยวจะมีฝ่ายบางฝ่ายหยิบยกโจมตีดิสเครดิตบอกว่าเป็นพรรคเพื่อ… พรรคประชาชนนี่ ผมว่าหากทำอย่างนั้น เราคงต้องแก้ปัญหาก็จะอยู่กันอย่างนี้ต่อไป ท่ามกลางที่รัฐบาลพยายามเจรจาภาษี อยากจะให้ไทยมีภาพลักษณ์ของการเป็นประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนใช่หรือไม่”
นายรังสิมันต์ ระบุว่าเราต้องยอมรับว่าไทยอยู่ในช่วงเวลาสังคมที่เป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นประเทศไทยที่ไม่มีแรงงานจะมีนักลงทุนมากน้อยแค่ไหน เราสามารถใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศได้ใช่หรือไม่ หากประเทศไทยอยากรักษาฐานการผลิตและดึงดูดการลงทุน ปัจจัยเรื่องแรงงานจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดหรือไม่ ดังนั้นต้องยอมรับความจริงได้แล้ว
ช่วงหนึ่งของการประชุม ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานในที่ประชุมว่าผลกระทบการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของสหรัฐฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค.68 พบว่าสิ่งที่ต้องโฟกัสคือ หน่วยงานหลักที่จะต้องดูแลด้านสาธารณสุขในพื้นที่พักพิงชั่วคราวทดแทน NGO การให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง เด็กและสตรี การรักษาพยาบาลผู้ป่วยเรื้อรัง ข้อกังวลเกี่ยวกับโรคระบาด เพราะในอนาคตความช่วยเหลือจะมีแนวโน้มที่น้อยลง รวมถึงจากประเทศอื่น ๆ ด้วย จึงต้องมาทบทวนนโยบายที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรหากผู้ช่วยเหลือภายนอกลดลง
สมช.เห็นว่าควรทบทวนนโยบายการบริหารจัดการผู้หนีภัยการสู้รบทั้ง 9 แห่งในไทย เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ในระยะเร่งด่วนควรให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น ค่าอาหาร น้ำดื่ม และเชื้อเพลิงนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.68 ที่ความช่วยเหลือภายนอกจะสิ้นสุดลง สมช.จะพิจารณาเรื่องการของบประมาณกลางในระยะเร่งด่วน พร้อมกับทบทวนความเป็นไปได้ในการให้โอกาสผู้หนีภัยออกมาทำงาน
ส่วนระยะยาวจะพิจารณาการแก้ไขกฎหมาย รูปแบบของงาน และพื้นที่ควบคุม หากจะให้ออกมาทำงานต้องทำรูปแบบไหน หากระยะแรกรัฐบาลต่างประเทศมีความสนใจจะก็จะเปิดรับความช่วยเหลือในระยะแรก ระยะกลางจะกำหนดบทบาทวางแผนให้ชัดเจนว่าโอกาสในการทำงานมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด นำไปสู่ระยะต่อไปปิดพื้นที่พักพิงหรือเหลือไว้บางส่วนสำหรับบางคนที่ไม่สามารถออกไปทำงานได้ เช่น คนชรา หรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ
ด้าน นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ คนที่ 1 กล่าวว่าการพึ่งพาตนเองเป็นเรื่องสำคัญ การนำเสนองบประมาณต่อรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็อาจจะเป็นปัญหา เนื่องจากสังคมไทยจะยังไม่เข้าใจ ตนเองทราบข้อมูลว่าคนในแคมป์ออกมาทำงานข้ามอำเภอข้ามจังหวัดแบบผิดกฎหมาย แต่เขาต้องหาเงินเพื่อดูแลคนในแคมป์ จนมีเหตุการณ์ฆ่าเจ้านาย ที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นหากไม่บริหารจัดการอย่างรวดเร็วถูกต้องตามกฎหมายก็จะเกิดปัญหาตามมา มีผู้หนีภัยการสู้รบที่หลังจากปี 2564 ที่หลบหนีมาเป็นแรงงานชั้นในจำนวนมาก จึงต้องรีบจัดการให้ขัดเจนก่อนที่สหรัฐฯ จะสิ้นสุดการช่วยเหลือในวันที่ 31 ก.ค.นี้
ตัวแทนกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่าสหภาพยุโรปกับสวิตเซอร์แลนด์ยืนยันที่ช่วยเหลือผู้หนีภัยต่อไป แต่ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือให้ได้ และไม่สามารถทดแทนความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ได้เนื่องจากเป็นความช่วยเหลือปริมาณมาก และเขาต้องมีการทบทวนท่ามกลางบริบทของรัสเซีย-ยูเครน และสหรัฐฯ ลดความช่วยเหลือกับสภาพยุโรปด้วย ส่วนญี่ปุ่นยืนยันจะให้การช่วยเหลือต่อไป และจะพิจารณาการรับคนเข้าประเทศ 60 คนต่อปีอย่างที่เคยทำ ขณะที่ UNHCR ได้แนะนำให้ไทยแสวงหาทางออกที่พึ่งพาตนเองได้ขึ้นในระยะยาว













