‘ส.ว.สมชาย’ ไม่ขัดหาก ‘ก้าวไกล’ เปิดทาง ‘เพื่อไทย’ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
‘ส.ว.สมชาย’ ไม่ขัดหาก ‘ก้าวไกล’ เปิดทาง ‘เพื่อไทย’ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขอดูตัวแคนดิเดตฯ ก่อน มอง ยื่นปิดสวิตช์ ส.ว. “ไม่หวังผลสำเร็จ ยิ่งทำยิ่งแย่” แนะ ตอบคำถาม ส.ว.ให้ได้ ไม่ก็กลับไปเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ
วันนี้ (17 ก.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการเสนอชื่อ ที่ออกคลิปว่า หากวันที่ 19 ก.ค. นี้ ยังไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา จะยอมเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนนั้น
นายสมชาย ระบุว่าเป็นเรื่องของ 8 พรรคร่วมฯ ที่จะไปเจรจากัน เนื่องจากพรรคก้าวไกลเสนอชื่อนายพิธาเพียงคนเดียว หากมีตัวเลือกอื่น ตนเองก็ไม่ขัดข้อง ส่วนจะมีการเปลี่ยนขั้วสลับข้าง ตนเองก็รับได้ แต่ก็จะอภิปรายซักถามแคนดิเดตนายกฯ แทนประชาชนเหมือนเดิม ว่ามีนโยบายอย่างไรบ้าง แต่ในทางกฎหมาย ตนเองมองว่า ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้อีกแล้ว เนื่องจากเป็นญัตติที่ตกไปแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการสลับพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังมีก้าวไกลร่วมอยู่ ในพรรคร่วมฯ ส.ว. จะเห็นชอบหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม จะต้องดูว่าจะเสนอใครมาเป็นแคนดิเดตฯ พร้อมมองว่า หากจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง ก็ควรมีเวลาให้ ส.ว. หน่อย ไม่ใช่ทำอย่างเร่งรีบ เพราะ ส.ว.ก็มีภารกิจที่ต้องทำ
นายสมชาย ยังกล่าวว่า จะนำเรื่องนี้เสนอต่อประธานรัฐสภาในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย พรุ่งนี้ ว่าให้ฟังความเห็นของ ส.ว. บ้าง เช่น ความเห็นเรื่อง ข้อบังคับการประชุมที่ 41 ถ้าหากจะเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ควรประชุมวันที่ 19 ก.ค. แต่อาจจะเว้นสัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมมาตอบคำถามของ ส.ว. ในเรื่องของนโยบายต่างๆ
สำหรับกรณีพรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว. นายสมชาย มองว่า จะไม่ส่งผลต่อการโหวตในวันที่ 19 ก.ค. นี้ และจะยิ่งทำให้ย่ำแย่ลงอีกด้วย เพราะต้องใช้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญประมาณ 3 เดือน รวมทั้งต้องใช้เสียงของ ส.ว. ถึง 1 ใน 3 และใช้เสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลเลย
“ผมจึงมองว่า การยื่นมาตรา 272 ไม่ได้หวังผลสำเร็จเลย แตาไปสอดรับกับยุทธศาสตร์หลายขา ทั้งให้โซเชียลหรือมวลชนไปปิดล้อม กดทับ ทั้งเชิญชวน และขอร้องให้ปิดสวิตซ์ ส.ว. เป็นยุทธวิธีทางการเมืองที่เราเข้าใจ ยิ่งทำยิ่งเป็นผลร้าย” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าหากใช้วิธีการปกติ โดยไม่มีการคุกคาม และพยายามตอบคำถามของ ส.ว. เรื่องนโยบายที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ ถ้าพรรคก้าวไกลตอบได้ ตนก็ยินดีสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่เป็นหน้าตา และปากเสียงให้กับฝ่ายบริหาร แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ถอยกลับไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นกรรมาธิการ และฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพได้