POLITICS

’ปานปรีย์‘ นำทีมยื่นเจตจำนงสมัครเป็นสมาชิก OECD ชี้ สัญญาณดี ประเทศสมาชิกมีท่าทีสนับสนุน

’ปานปรีย์‘ นำทีมยื่นเจตจำนงสมัครเป็นสมาชิก OECD ชี้ มีสัญญาณดี ประเทศสมาชิกมีท่าทีสนับสนุน เผย ผลศึกษา TDRI หากเข้าเป็นสมาชิกGDPจะโตขึ้น 1.6% เพิ่มการลงทุน เศรษฐกิจมั่นคงขึ้น

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD (The Organization for Economic Cooperation and Development) ต่อ นายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการ OECD เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2567 โดยมีตัวแทนประเทศสมาชิกทั้ง 38 ประเทศพร้อมทั้งตัวแทนจากสหภาพยุโรปหรือ EU เข้าร่วมรับฟัง วิสัยทัศน์ของไทยในการขอเข้าเป็นสมาชิก

นายปานปรีย์ เปิดเผยภายหลังแสดงวิสัยทัศน์ว่า ถือเป็นวันสำคัญสำหรับการยื่นเจตจำนงอย่างเป็นทางการ โดยมี 3 ประเทศที่ตั้งคำถามสำคัญกับประเทศไทย ส่วนประเทศอื่นๆ สนับสนุนที่ไทยมีเจตจำนงเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งไทยอยู่ในขั้นน่าสนใจเพราะเราเป็นประเทศเดียว ในอาเซียนที่ทำงานร่วมกันกับ OECD มา 42 ปี อยู่ในระยะที่ 2 ที่ทำให้ประเทศไทยได้มาตรฐานหลายด้านทางด้านเศรษฐกิจ ธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม การค้า ความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียว ดังนั้นวันนี้เมื่อได้นำเสนอและทำพรีเซนต์เทชั่นกับสมาชิก ทุกฝ่ายก็ให้การสนับสนุนด้วยดี

ส่วนระยะเวลาการเป็นสมาชิกขึ้นอยู่ว่าเราทำตามเงื่อนไขต่างๆ ได้เร็วแค่ไหนซึ่งจากการที่เรายื่นในวันนี้เ ป็นผลดีกับประเทศไทยเพราะผลการศึกษาของ TDRI แสดงให้เห็นว่าการที่เราเข้าเป็นสมาชิกโออีซีดีจะทำให้จีดีพีของเราโต 1.6% หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนมากและคิดว่าแม้ไม่ได้เป็นสมาชิกแต่เมื่อยื่นเจตจำนงแล้วชาวโลกก็เฝ้าดูอยู่ว่าเรามีเจตนาที่จะยกระดับประเทศให้เป็นสากลมากยิ่งขึ้นในหลายหลายด้าน

นายปานปรีย์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนจะได้จากการเข้าเป็นสมาชิกนั้นความมั่นคงทางเศรษฐกิจจะมีมากขึ้นเพราะกลุ่มของประเทศสมาชิกเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วแต่เราเป็นประเทศกำลังพัฒนาเราก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวข้ามกับดักที่เราติดอยู่หลายปีและเรามีความประสงค์ที่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้วในปี 2580 ซึ่งอีกนานหรืออาจจะก่อนหน้านั้น ถ้าเราเข้าเป็นสมาชิก OECD ได้ และจะเป็นประโยชน์ เพราะจะมีการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นคนไทยจะทำงานเพิ่มขึ้นการจ้างงานจะมีจำนวนมากขึ้น และ OECD ก็ยังมีแผนในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งจะช่วยสร้างบุคลากรของเราให้มีศักยภาพมากขึ้นด้วย เพราะเวลานี้เป็นที่ทราบกันดีว่าเราขาดแรงงานที่มีศักยภาพและการเข้าเป็นสมาชิกเช่นนี้ก็จะเป็นการปฏิรูปในส่วนนี้ไปในเวลาเดียวกัน

สำหรับสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคในการเข้าเป็นสมาชิกนั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า จากสิ่งที่ทาง OECD พูดกับพวกเราในวันนี้ ตนเองมีความมั่นใจว่าเขาจะให้การสนับสนุนเราเต็มที่ แต่ที่ยังเป็นกังวลคือภายในประเทศของเรา ที่จะต้องอธิบายและชี้แจง เพราะจะต้องเกิดการปฏิรูปและต้องมีการแก้ไขกฎหมายบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับสากล จึงเป็นเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้เข้าใจว่า ทำไมถึงมีมีความจำเป็น หรือไม่จำเป็นอย่างไรที่จะต้องเข้าเป็นสมาชิกซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งได้บอกกับทางคณะมนตรีของ OECD ว่า วันนี้เราแสดงความตั้งใจและแสดงเจตนารมย์ที่ชัดเจนโดยนายกรัฐมนตรีจะขึ้นเป็นประธานของคณะกรรมการเพื่อที่จะขับเคลื่อนเรื่องต่างๆเพื่อเข้าสู่การเป็นสมาชิกโออีซีได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ ไทยและ OECD มีความร่วมมือกันมายาวนานกว่า 42 ปี ปัจจุบัน หน่วยงานไทยมีส่วนร่วมในกลไกและโครงการต่าง ๆ ของ OECD รวม 48 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก คือ โครงการ PISA และไทยยังเป็นภาคีตราสารทางกฎหมายของ OECD ทั้งสิ้น 10 ฉบับ และไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีโครงการความร่วมมือทวิภาคีกับ OECD ในรูปแบบ Country Programme โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการระยะที่ 2

Related Posts

Send this to a friend