POLITICS

‘สุดาวรรณ’ ประกาศเป้าหมายปี 67 ‘พลิกโฉมการท่องเที่ยวและกีฬาไทย’

‘สุดาวรรณ’ ประกาศเป้าหมายปี 2567 ‘พลิกโฉมการท่องเที่ยวและกีฬาไทย’ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ดันซอฟต์พาวเวอร์ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประกาศนโยบายที่จะ “พลิกโฉมการท่องเที่ยว และกีฬาของไทย” ด้วยการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งมูลค่ากีฬาไทยที่มีเพียง 0.58% ให้เป็น 1% จากอุตสาหกรรมกีฬาโลกที่มีขนาด 45.58 ล้านล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 455,800 ล้านบาทให้ได้

“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มอบนโยบายให้หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานในสังกัด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว มีความมุ่งมั่นและตั้งใจว่าในปี 2567 เราจะเติบโตไปพร้อมๆ กัน จับมือไปด้วยกันกับทุกภาคส่วน ตนจะเน้นการบูรณาการกับทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ จะพูดจากันมากขึ้น บูรณาการกันมากขึ้น เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างว่องไว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า นโยบายที่กระทรวงฯ จะขับเคลื่อนในปี 2567 มี 7 นโยบายหลัก ๆ นโยบายแรก คือ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2567 จากเชิงปริมาณเข้าสู่โหมดของคุณภาพ ทั้งมิติของในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศไทยคึกคักตลอดทั้งปี ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย ต้องมี High season all year round tourism destination คือ เที่ยวได้ทั้งปี หรือเที่ยวได้ทั้ง 365 วัน จึงเตรียม Event ไว้มากมายที่จะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

“ยูเนสโก้เพิ่งประกาศขึ้นทะเบียนให้สงกรานต์ในประเทศไทย เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ จึงต้องยกระดับกิจกรรม Event ต่าง ๆ ในระดับชุมชนให้เป็น Event ในระดับนานาชาติ เป็นการกระตุ้นการไปท่องเที่ยวเมืองรอง จะทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาตลาดเดิม และเจาะตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้ต่อเนื่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว

นโยบาย 2 ใช้ Soft Power เป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการกีฬาให้เป็น “Engine the New Power” ใช้กีฬาเข้ามาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกที่สำคัญ และเป็นเครื่องมือขับเคลื่อน demand ของการท่องเที่ยวและการกีฬาได้เป็นอย่างดี

นโยบายที่ 3 ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทั้ง Hospitality และ Safety ต้องทำให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่า “เมืองไทยปลอดภัย” มาแล้วได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต้องเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามการเอาเปรียบ หลอกลวงนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ

นโยบายที่ 4 เรื่อง Responsibility ต้องทำให้การท่องเที่ยวยั่งยืน ในปี 2567 จะนำเรื่องนี้มาขับเคลื่อนให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวจะยั่งยืนได้ต่อเมื่อท้องถิ่นต้องมาร่วมขับเคลื่อนด้วย

นโยบายที่ 5 ใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือกระชับความสัมพันธ์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สานต่อนโยบายการเดินทางเชื่อมโยงภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ปลายเดือนนี้ จะมีประเด็น ASEAN Connect ที่จะทำให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงทางอากาศ ทางน้ำ และทางบก

นโยบายที่ 6 ขับเคลื่อนด้านกีฬาพื้นฐาน โดยวางระบบการพัฒนาทั่วประเทศ พัฒนาการการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา เข้าถึงกีฬาได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ส่งเสริมกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ กีฬาเพื่อการอาชีพที่จะต้องพัฒนากีฬาทุกระดับและบุคลากร รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาเพิ่มสมรรถนะให้นักกีฬาไทย ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติและระดับโลก และส่งเสริม E-Sport สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

นโยบายที่ 7 การเตรียมพร้อมสำหรับมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งปี 2567 จะมีรายการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ ทั้งการส่งนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 และการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขัน ได้แก่ เอเชียนอินดอร์ และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ จักรยานยนต์โมโตจีพี เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก ฮอนด้า แอลพีจี เอ ไทยแลนด์ 2024 รวมถึงเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2568 ซึ่ง มี 3 จังหวัดร่วมเป็นเจ้าภาพ คือ กรุงเทพ ชลบุรี และสงขลา

สำหรับปี 2566 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 28 ล้านคน เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนรายได้รวมจากนักท่องเที่ยวปี 2566 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.38 ล้านล้านบาท แต่พบว่าประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 จากปี 2565

Related Posts

Send this to a friend