เลขาฯ ศรชล. ยัน ไม่ปิดอ่าวไทย ย้ำ บังคับใช้เฉพาะเรือชักธงไทย สกัด น้ำมัน – ยุทธปัจจัย
เลขาฯ ศรชล. ยัน ไม่ปิดอ่าวไทย ย้ำ มาตรการบังคับใช้เฉพาะเรือชักธงไทย สกัด น้ำมัน – ยุทธปัจจัย เข้ากัมพูชา ไม่กระทบเรือต่างชาติ ยังระบุไม่ได้ บังคับใช้กี่วัน
วันนี้ (16 ธ.ค. 68) พลเรือเอกธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) กล่าวก่อนประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อขออนุมัติ ให้หน่วยงานใน ศรชล. ยกระดับมาตรการตามมาตรา 27 วรรค 2 และ 3 ในการบูรณาการกลไก การควบคุมและเฝ้าระวังเรือสินค้าพาณิชย์ เรือประมง เรือสนับสนุนทำงานประมง ทั้งในส่วนของเรือไทย และผู้ประกอบการทางทะเล ที่เป็นเจ้าของเรือโดยตรงหรือทางอ้อมที่เป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารกิจการกองเรือภาคการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ และมีพฤติการลักลอบลำเลียงและส่งออกน้ำมันหรือสินค้ายุทธปัจจัยไปยังประเทศกัมพูชา พร้อมให้ ศรชล. พิจารณาประกาศพื้นที่โดยรอบทะเลอาณาเขตรอบท่าเรือกัมพูชา เป็นพื้นที่เสี่ยง ว่า วันนี้จะเป็นการเสนอเรื่องในส่วนของ ศรชล.เกี่ยวกับความปลอดภัยทางทะเล โดย ยอมรับว่าจะโฟกัสเฉพาะเรือสัญชาติไทยเท่านั้น ทั้งนี้ขอให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบกับเรือของต่างชาติ เป็นการบริหารจัดการเฉพาะเรือที่ชักธงไทยเท่านั้น หรือ เรือสินค้าของไทย
สําหรับเรือของไทยที่ไปรับน้ํามันจากประเทศที่สามมาส่งให้กัมพูชานั้น ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการทําธุรกิจโดยทั่วไป ส่วนในของกัมพูชาจะต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เนื่องจาก ศรชล.มีมาตรการอยู่แล้ว
“ขอยืนยันว่าไม่ได้ปิดน่านน้ําตามที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่ทําให้เกิดความปลอดภัย และการปฏิบัติการ มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในส่วนที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะเรือไทย ส่วนกรณีเรือไทยถูกโจมตีว่าไม่หยุดส่งน้ํามันให้กัมพูชานั้น อยากให้รอผลการประชุม สมช.วันนี้ก่อน ยังไม่ขอชี้แจงประเด็นนี้ ทั้งนี้ ศรชล.มีหน้าที่บริหารจัดการ การทํางานในทะเลอยู่แล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหาก สมช.อนุมัติ การบังคับใช้จะครอบคลุมระยะเวลาเท่าไหร่ พลเรือเอกธาดาวุธ กล่าวว่า ต้องดูตามสถานการณ์ ยังไม่สามารถระบุได้












