POLITICS

อัยการสูงสุด เร่งช่วยเหลือแรงงานไทยกลับจากอิสราเอล เจรจาไกล่เกลี้ยหนี้

อัยการสูงสุด เร่งดำเนินงานเชิงรุก ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายครอบครัวแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในอิสราเอลกว่า 800 ราย พร้อมประสานเจรจาไกล่เกลี้ยหนี้ทั้งในและนอกระบบ ย้ำ แรงงานไทยรีบเดินทางกลับประเทศ

วันนี้ (16 พ.ย. 66) นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้มีหนังสือแจ้งแนวทางการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ตามนโยบายเร่งด่วนของ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ที่มอบหมายให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ทำงานเชิงรุกในการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งปรากฎว่ามีแรงงานไทยจำนวนมากได้รับผลกระทบโดยตรง มีทั้งกรณีเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ และยังมีครอบครัวของแรงงานไทยที่ต้องได้รับผลกระทบทางอ้อมอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันได้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 800 ราย

โดยกรณีดังกล่าว อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (อจ.คช.) ทุกจังหวัดจำนวน 76 แห่ง และ สคช.จ. สาขา จำนวน 36 แห่งทั่วประเทศ ได้ประสานงานกับจังหวัดเพื่อทราบชื่อและที่อยู่ของแรงงานไทยที่ไปทำงานประเทศอิสราเอลในเขตพื้นที่รับผิดชอบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่

จากนั้นพนักงานอัยการได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านแรงงานดังกล่าว และเร่งให้ความช่วยเหลือตามแนวทางที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้วางไว้ และรายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีภาพรวมของการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยและครอบครัวในกรณีความเดือดร้อนด้านต่างๆ เช่น กรณีแรงงานไทยที่เสียชีวิต ได้ประสานงานเรื่องการจัดตั้งผู้จัดการมรดกจนแล้วเสร็จ และหากมีหนี้สินในระบบหรือนอกระบบพนักงานอัยการจะให้ความช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ให้กับแรงงานไทย หรือครอบครัวด้วย ส่วนกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับสิทธิตามกฎหมายหรือสิทธิจากสัญญาประกันภัยที่ลูกจ้างเอาประกันเองหรือนายจ้างเอาประกันให้

ส่วนกรณีแรงงานที่เดินทางกลับมาแล้วไม่มีงานทำ มีความกังวลว่าจะขาดรายได้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้คำแนะนำและช่วยประสานสำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องที่ เพื่อช่วยหางานใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่แรงงานจะได้รับ กรณีต้องเดินทางกลับเนื่องจากภาวะสงครามดังกล่าว เช่น เงินสงเคราะห์ก่อนครบสัญญาจ้างคนละ 15,000 บาท และเงินที่รัฐมอบให้ คนละ 50,000 บาท รวมทั้งสิทธิในการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ได้คนละ 150,000 บาท (โดยเงื่อนไขพิเศษ) ผ่อนชำระ 20 ปี และกรณีอื่นๆ ซึ่งได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยมีแรงงานไทยจากประเทศอิสราเอลและครอบครัวมาขอรับความช่วยเหลือในภาพรวมจากทั่วประเทศ จำนวน 880 ราย

ทั้งนี้ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้รัฐบาลได้ประกาศเชิญชวนให้แรงงานไทยที่ยังอยู่ในประเทศอิสราเอลเดินทางกลับมาประเทศไทยก่อน เพื่อความปลอดภัย หากท่านใดที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับเองก็สามารถนำหลักฐานมาเบิกจากทางราชการได้ หรือหากต้องการความช่วยเหลือก็สามารถร้องขอได้ที่สถานกงสุลไทย นอกจากนี้ แรงงานไทยและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอลยังสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนและการบังคับคดีจังหวัด (สคช.จ.) และสาขาทั่วประเทศได้ หรือติดต่อขอรับคำปรึกษาทางกฎหมายเบื้องต้นได้ที่ สายด่วน 1157

Related Posts

Send this to a friend