‘บวรศักดิ์’ ย้ำไทม์ไลน์ยุบสภา วันเลือกตั้ง-ทำประชามติ 29 มี.ค. 69 แน่นอน

ถ้า MOA ไม่เปลี่ยน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าร่างแก้ไข รธน. เสร็จไม่ทัน ก็เหลือคำถามเดียว

วันนี้ (15 ต.ค. 68) ศ.ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงไทม์ไลน์การยุบสภาและวันเลือกตั้งตามกฎหมายประชามติ ซึ่งได้วางไทม์ไลน์ไว้ 2 กรณี คือ กรณีใช้ พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ฉบับปัจจุบัน ไทม์ไลน์ก็เร็วขึ้น แต่ถ้า พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 ประกาศใช้บังคับได้ทัน 3 พ.ย. 68 ไทม์ไลน์ก็จะเปลี่ยน สภาจะมีเวลามากขึ้น 1 เดือน ซึ่งวันเลือกตั้งและวันทำประชามติจะกำหนดไว้ในวันเดียวกันคือ 29 มีนาคม 2569

“รัฐบาลมีหน้าที่เดียวเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมผ่านรัฐสภาแล้ว ตัวรัฐธรรมนูญบังคับให้รัฐบาลต้องไปขอประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ทำ 2 ครั้ง แต่เพื่อประหยัดงบประมาณ จึงมีคำถาม 2 ข้อ คือ 1. เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ 2. เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับรูปแบบ ขั้นตอนกระบวนการและหลักการพื้นฐานที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งมานี้ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เสร็จ ก็จะเหลือคำถามเดียวว่า ท่านเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”

ศ.ดร. บวรศักดิ์ เปิดเผยว่าไทม์ไลน์นี้กำหนดขึ้นตาม MOA ก็ต้องเป็นไปตามนี้ ถ้า MOA ปรับ ไทม์ไลน์นี้ก็ปรับได้ ซึ่งตาม MOA ที่เริ่ม 1 ต.ค. 68 ซึ่งการยุบสภาช้าสุดไม่เกิน 31 ม.ค. 69 แต่ถ้า MOA เปลี่ยนไปก็สลับได้ รวมถึงหากมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถถามคำถามประชามติในวันที่ 29 มี.ค. 69 ได้ ก็ถามได้คำถามเดียวเท่านั้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ MOA ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไทม์ไลน์ก็จะเป็นไปตามนี้

“การเมืองเปลี่ยนทุกวัน แต่วันนี้ยังไม่มีเหตุให้เปลี่ยน MOA ยังไม่เปลี่ยน ก็ยังเป็นไปตามไทม์ไลน์”

รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภามีมติให้ร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ที่ต้องระมัดระวังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการยึดโยงประชาชน ซึ่งตนเคยถามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านที่วินิจฉัยว่าถ้าให้ประชาชนเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญอาจเป็นกฎหมายป่าไม้ กฎหมายชลประทาน ซึ่งคงไม่ดีเท่าไหร่ว่ารัฐธรรมนูญของไทยไม่เหมือนบ้านเมืองอื่น ซึ่งสื่อไปสัมภาษณ์ศาลว่าทำไมวินิจฉัยอย่างนั้น