พรรคประชาชาติ แถลงจุดยืนคดีตากใบ จี้รัฐบาลนำ 7 จำเลยมารับผิด

พรรคประชาชาติ แถลงจุดยืนคดีตากใบ จี้รัฐบาลนำ 7 จำเลยมารับผิด ขออย่าโยนความผิดให้คนในพื้นที่
วันนี้ (15 ต.ค. 67) นายต่วนอิสกันดาร์ ดาโต๊ะมูลียอ โฆษกพรรคประชาชาติ นำทีม สส. พรรคประชาชาติ แสดงจุดยืนต่อคดีตากใบ ในฐานะที่พรรคประชาชาติมีจำนวน สส.ในพื้นที่ชายแดนใต้มากที่สุด จึงเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่
นายต่วนอิสกันดาร์ กล่าวว่าหัวใจของพรรคประชาชาติมีความหนักแน่นในการเรียกร้องความยุติธรรม ห่วงใยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้สูญเสียที่ประสบเหตุเสียชีวิต 85 ราย ทุพพลภาพ 51 ราย ตลอดจนผู้ถูกควบคุมตัวกว่า 1,280 ราย พรรคประชาชาติเน้นย้ำว่าความห่วงใยที่ประชาชนมีให้พรรค ได้กลายเป็นกำลังในการขับเคลื่อน ทั้งการเมืองรัฐสภา และการใช้อำนาจในการบริหารเรียกร้องไว้ซึ่งความยุติธรรม ด้วยศักยภาพและความสามารถอย่างถึงที่สุด
พรรคประชาชาติ ขอเรียกร้องให้จำเลยทั้ง 7 คน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อทำให้ความจริงปรากฏ จรรโลงความยุติธรรมที่สังคมเพียรหาลุล่วงไปได้ด้วยดี
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ กล่าวต่อว่าเป็นความห่วงใยของพรรคประชาชาติกับสถานการณ์คดีตากใบที่เหลืออีก 9 วันจะหมดอายุความ พรรคไม่ได้ละเลยหรือทอดทิ้งกับเรื่องนี้ เราติดตามกับกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการพิจารณาคดีมาโดยตลอด แม้จะอยู่พรรคร่วมรัฐบาล
โดยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.67 ศาลจังหวัดนราธิวาสมีนัดสอบคำให้การจำเลย แต่ไม่มีจำเลยสักคนเดินทางไปศาล ซึ่งศาลยังไม่จำหน่ายคดีออกจากระบบ โดยนัดสอบคำให้การอีกครั้งในวันที่ 28 ต.ค.67 แม้คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ จากการติดตามรายงานการพิจารณาคดีศาลจังหวัดนราธิวาส สะท้อนว่ามีความห่วงใยเรื่องนี้ จึงได้นัดสอบคำให้การอีกครั้ง ทั้งนี้ในรายงานดังกล่าวระบุว่า มีหนังสือสอบถามความคืบหน้าของการปฎิบัติหน้าที่ตามหมายจับไปยังหน่วยงานที่ศาลมีคำสั่งให้ปฏิบัติตามหมายจับ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าศาลอยากให้กระบวนการยุติธรรมเดินต่อ
พรรคประชาชาติ จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงความคืบหน้าการจับกุมจำเลย หลังคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ได้เรียกไปสอบตั้งแต่ 9 ต.ค.67 เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ขออย่านำประเด็นที่ใกล้ขาดอายุความ โยนความผิดให้พี่น้องประชาชนที่เรียกร้องความยุติธรรม
บางคนแถลงในลักษณะว่าคดีตากใบ ได้รับการเยียวยาไปแล้ว ในสมัยที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้อง (ศอ.บต.) คดีน่าจะจบไปแล้ว แต่การเยียวยาในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้คดีอาญาระงับ การจ่ายเงินเยียวยาเป็นการจ่ายเงินตามมาตรา 9 พระราชบัญญัติการบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553
บางคนพยายามสื่อว่าคดีนี้จบไปแล้ว อ้างอิงจากการไต่สวนกันตายของศาลจังหวัดสงขลา ทั้งที่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสี่ เมื่อมีการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่จะต้องมีการไต่สวนว่าผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตายและตายด้วยสาเหตุอะไร เมื่อไต่สวนเสร็จแล้วพนักงานอัยการต้องนำคำสั่งศาล ส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อหาว่าใครเป็นผู้ทำให้ตาย
คดีนี้ยังไม่ได้วินิจฉัยในเนื้อหาว่าใครทำให้ตาย คดีอาญาจึงยังไม่ระงับ ระยะเวลาที่เหลืออีก 9 วัน พรรคประชาชาติจึงมีความห่วงใย อยากให้กระบวนการยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำตัวจำเลยมารับผิด จำเลยหรือผู้ต้องหายังสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ ขอให้ท่านเดินหน้าพยุงความยุติธรรมในสามจังหวัดชายแดนใต้ อยาก่อให้เกิดเงื่อนไขใหม่ในพื้นที่ เพราะเราเป็นห่วงสถานการณ์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
เราอยากเห็นหน่วยงานที่รับผิดชอบมาแถลงความคืบหน้าให้ชัดเจนว่า การติดตามจำเลยมาดำเนินคดีไปถึงไหนแล้ว เราเป็นห่วงหากหลังวันที่ 25 ต.ค.นี้ ไม่สามารถจับกุมจำเลยได้ ศาลไม่สามารถสืบพยานได้ อัยการไม่สามารถส่งฟ้องได้
นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่าได้พูดคุยกับรัฐบาลในการติดตามจำเลย พ.ต.อ.ทวี ได้ประสานให้มีการจับกุม แต่เป็นการทวงถามฝ่ายเดียว ในฐานะผู้ปฎิบัติ พี่น้องทั้งประเทศ สังคม และคนในพื้นที่อยากฟังความคืบหน้าด้วย ขณะที่การลาออกของพลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ขอให้เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยต้องชี้แจง เราไม่อยากไปก้าวก่าย
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยพยายามจะทำให้พลเอกพิศาลไม่มีความเกี่ยวข้องนั้น ก็ต้องไปถามพรรคเพื่อไทย ยังมีประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม จะต้องชี้แจงให้กับสังคมให้เข้าใจว่า หนังสือลาออกมาอย่างไร
นายกมลศักดิ์ ยืนยันว่าไม่เคยเจอพลเอกพิศาลในที่ประชุมสภาฯ เนื่องจากอยู่คณะกรรมาธิการคนละคณะ เขาอาจจะไม่รู้จักตนเองด้วยซ้ำ
แม้จะลาออกสถานะการเป็น สส.หมดไปแต่สถานะการเป็นจำเลยยังอยู่ แต่ถ้าขาดอายุความเรื่องก็จบ พรรคประชาชาติได้ประสานงานกับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วว่าอยากให้มีการจับกุม
“ในคณะกรรมาธิการก็บี้เหมือนกัน คณะกรรมาธิการรัฐมนตรีได้กำชับ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติงานและเจ้าตัวเอง” นายกมลศักดิ์ ทิ้งท้าย