‘สิริพงศ์‘ เชื่อ แก้รัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องขอเสียง สว. ชี้ การได้มาของ สสร. ต้องเป็นทางอ้อม
‘สิริพงศ์‘ เชื่อ แก้รัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องขอเสียง สว. ชี้ การได้มาของ สสร. ต้องเป็นทางอ้อม เผย จะต้องคุย ปชน. ให้ชัดสัปดาห์นี้ เพื่อเดินหน้าวาระ 2-3 สมัยประชุมหน้า ยัน ภท. จริงใจตั้งแต่ต้น ไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา
วันนี้ (16 ก.ย. 68) เวลา 11:00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการแก้ธรรมนูญ ที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อาจจะไม่เอาด้วย และอยากให้พรรคภูมิใจไทยกลับไปทบทวนกับพรรคประชาชน ว่า ในการเสนอแก้รัฐธรรมนูญในแต่ละพรรค พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอแก้มาตรา 256 ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เราเสนอเรื่องการไม่ให้อำนาจ สว. ในการโหวตนายกฯ ปรากฏว่าไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. แสดงให้เห็นถึงการที่เราจะต้องขอเสียงไม่ว่าจะส่วนใด จำเป็นต้องดูเนื้อหาที่เป็นไปได้ การไปขอเสียง สว. ไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคไหนไปคุย แต่อยู่ที่เนื้อหาว่าฝั่ง สว. รับได้หรือไม่
อีกทั้ง ในวันนี้ก็ต้องทำใจเป็นธรรม หากจะขอมือ ขอคะแนนโหวตให้ต้องมีข้อเสนอที่รับได้ เช่น การพิจารณาอะไรก็แล้วแต่ อำนาจ สว. อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่ยกมือสนับสนุน จึงอยู่ที่เนื้อหามากกว่าให้ไปคุยพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ต้องคุยแนวทางกันว่าจะทำแบบไหน หากเห็นตรงกันเราอาจจะยืนร่วมกัน แต่ถ้าเห็นต่างกัน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยต้องรวมเสียงให้มากพอ ให้สามารถยืนได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความชัดเจนหรือไม่ว่าจะมี สสร. ทางตรงหรือทางอ้อม หรือว่าไม่มีเลย นายสิริพงศ์ กล่าวว่า สสร. ต้องเป็นทางอ้อมแน่นอน เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถเลือกทางตรงได้ แนวโน้มน่าจะเป็นทางอ้อม ส่วนทางอ้อมจะมาจากอะไร กลุ่มรายชื่อแล้วให้รัฐสภาเลือกร่วมกัน หรือเลือกตั้งตัวแทนเข้ามา แล้วมาเลือกอีกที ก็ต้องคุยกันอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นสัปดาห์นี้ที่จะคุยกัน
ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ เชื่อว่า ทิศทางจะไปในทางที่ดี ซึ่งธงของพรรคภูมิใจไทย มองว่า วาระหนึ่งจะต้องพิจารณาในสมัยประชุมนี้ และช่วงปิดสมัยประชุมให้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการพิจารณา และพิจารณาในวาระสองวาระสามในสมัยประชุมหน้า
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย พยายามดิสเครดิตพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสิริพงศ์ ย้ำว่า ความจริงใจ ใครจะรู้ดีเท่าเรา พรรคภูมิใจไทยจริงใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ สิ่งที่เราอยากจะทำคือ นายกฯ อยากจะขับเคลื่อนแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน การเดินหน้ายุบสภาให้ตรงกับกำหนดเวลา 4 เดือน และเดินหน้าเต็มที่ในการแก้รัฐธรรมนูญ
