POLITICS

กองทัพบกแจงคณะทูต งัด 8 หลักฐานยืนยันกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดโจมตีไทย

วันนี้ (16 ส.ค. 68) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตานุทูตและผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงบิดเบือนข้อเท็จจริงและปฏิเสธหลักฐานการใช้ทุ่นระเบิดโจมตีฝ่ายไทยอย่างเป็นระบบ กองทัพบกจึงจำเป็นต้องยืนยันข้อเท็จจริงด้วยหลักฐาน 8 ประการ เพื่อแสดงให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นว่ากัมพูชาได้ใช้ทุ่นระเบิดโจมตีฝ่ายไทยจริง ดังนี้

1.รูปแบบการปฏิบัติทางยุทธวิธี – ทุกครั้งที่กัมพูชาวางกำลัง บริเวณด้านหน้าจะพบแนวทุ่นระเบิดเป็นแนวป้องกัน เช่น ช่องบก (16 ก.ค.) ช่องอานม้า (23 ก.ค.) ปราสาทตาควาย (28 ก.ค.) ฐานกฤษณา (9 ส.ค.) และปราสาทตาเมือนธม (12 ส.ค.) โดยกำลังพลไทยที่ประสบเหตุพบว่าในพื้นที่มักมีทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มเติมอีก 3–5 ลูก ทั้งที่ระเบิดแล้วและยังไม่ระเบิด ซึ่งถูกวางอย่างเป็นระบบ

2.ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ – มีเพียงฝ่ายไทยและกัมพูชา แต่เหตุการณ์ทั้งหมด 5 ครั้ง มีเพียงฝ่ายไทยที่ได้รับผลกระทบ จึงไม่อาจเป็นไปได้ว่าไทยจะทำร้ายกำลังพลของตนเอง

3.การตรวจพบเพิ่มเติมหลังหยุดยิง – การสถาปนาความมั่นคงโดยทหารช่างที่ภูมะเขือ (4 ส.ค.) พบการซุกซ่อนทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวนมากในแนวกำลังเดิมของฝ่ายกัมพูชา

4.หลักฐานจากสื่อสังคมออนไลน์ – พบภาพอินฟลูเอนเซอร์กัมพูชาที่ไปถ่ายทำคอนเทนต์บริเวณปราสาทตาควาย โดยมีพวงทุ่นระเบิด PMN-2 ปรากฏอยู่ในภาพ

5.ข้อมูลจากแหล่งข่าว – มีคลิปพร้อมเสียงสนทนาของทหารกัมพูชาที่กำลังเก็บและเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิด PMN-2 เพื่อไปวางในพื้นที่ใหม่

6.ท่าทีในเวที GBC – กัมพูชาไม่ยอมรับข้อเสนอของไทยในการร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด ทั้งที่กัมพูชามีภาพลักษณ์ในสายตานานาชาติว่าเป็นประเทศต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิด และได้รับทุนสนับสนุนจำนวนมากในแต่ละปี

7.การเก็บกู้ในพื้นที่เสี่ยงแล้วเสร็จ – TMAC เคยเก็บกู้ทุ่นระเบิดตกค้างที่ช่องบกและช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสร็จสิ้นเมื่อปี ค.ศ.2019 จำนวน 1,300 ลูก และไม่พบว่ามีทุ่นระเบิดชนิด PMN-2

8.การไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ – TMAC ระบุว่าฝ่ายกัมพูชามักไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในหลายพื้นที่ใกล้แนวเส้นเขตแดน ซึ่งเป็นข้อพิรุธที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของฝ่ายกัมพูชา

พลตรี วินธัย ย้ำว่า หลักฐานทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้ และจำเป็นต้องเผยแพร่เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศเห็นว่าการกระทำของกัมพูชาขัดต่อหลักมนุษยธรรมและพันธกรณีระหว่างประเทศ

Related Posts

Send this to a friend