กลุ่มตัวแทนชาวประมง พอใจข้อสรุป ก.เกษตรฯ ชี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเพาะเลี้ยงขาย เหตุ ไม่คุ้มทุน

วันนี้ (16 ก.ค. 67) นายนิวัติ ธัญญชาติ คณะทำงานแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ แถลงหลังการประชุม ว่า วันนี้เครือข่ายประมงที่ได้รับผลกระทบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้มีการพูดคุยกับคณะทำงานในระดับจังหวัด ซึ่งต้องยอมรับว่ายังมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ เพราะเราต้องการให้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำ ในกิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับปากว่าจะรับซื้อปลาหมอคางดำในกิโลกรัมละ 15 บาท และในกระบวนการของงบประมาณต่าง ๆ ต้องผ่านตัวแทน และคณะทำงานทั้งหมด รวมถึงต้องคิดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในการใช้อุปกรณ์ในการจับปลาด้วย ซึ่งเราพอใจกับราคานี้ในระดับหนึ่ง พร้อมบอกว่าจะรับซื้อไปเรื่อยเรื่อยหากกระบวนการนี้ไม่สมเหตุสมผล เราก็จะมาเรียกร้องให้ได้ในราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมย้ำว่า ชาวประมงต้องห้ามเลี้ยง ห้ามครอบครองปลาหมอคางดำในทุกรูปแบบ เพราะจะมีโทษ โดยเรามีเครือข่าย รวมถึงจะเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้มาช่วยดูส่วนนี้ด้วย

นายนิวัติ กล่าวต่อว่า คนจับปลาเก่งที่สุด คือชาวประมง ถ้าจูงใจให้ชาวบ้าน จับปลามาเป็นอาชีพ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ ก็จับได้ทุกชั่วโมง และจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านด้วย ส่วนเรื่องการปล่อยปลานักล่า ในระดับจังหวัดเป็นปลาคนละชนิดกันในแต่ละพื้นที่ พร้อมยืนยันว่า ปลาหมอคางดำเป็นได้แค่อาหารสัตว์ เนื่องจากทำลายระบบนิเวศทั้งหมด

นายนิวัติ ระบุว่า สิ่งที่เรากังวลมากที่สุดคือการแพร่กระจายเพิ่มของปลาหมอคางดำเพราะตอนนี้แพร่ระบาดไปแล้วกว่า 13 จังหวัด ซึ่งมีระยะเวลาในการฟักไข่ค่อนข้างเร็ว เราอยากให้เรื่องงบประมาณไปทุกจังหวัดอย่างเร็วที่สุด รวมถึงต้องมีการร่วมมือกันทั้งประเทศในการแก้ไขปัญหานี้ ตนเองต้องประสานงานทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภาในด้านที่รับผิดชอบ และจะยื่นหนังสือถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประมง ให้ สว. ชุดใหม่ ช่วยดูเรื่องการผลักดันกฎหมาย

สำหรับเรื่องการเพาะปลาหมอคาง ดำเพื่อนำมาขาย เป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิด เพราะกุ้งมีราคาดีกว่า เนื้อปลานั้นกินไม่อร่อย เมื่อปลาไข่ ก็จะไม่สร้างเนื้อ รวมถึงมีก้างที่แข็งมาก มีการเจริญเติบโตที่ช้า ยืนยันว่า การเลี้ยงไม่มีทางเป็นไปได้ และเราเรียกร้องเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 59 – 60 แล้ว