‘ประเสริฐ’ ติดตามการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อน ในแม่น้ำกก สาย รวก

‘ประเสริฐ’ ติดตามการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก สั่งตรวจสุขภาพ-คัดกรองโรคจากโลหะหนัก พร้อมเตรียมการรับมืออุทกภัยพื้นที่ภาคเหนือ
วันนี้ (16 มิ.ย. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประชุมติดตามความก้าวหน้าการแก้ปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง และการป้องกัน แก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน ณ สำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ พร้อมลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำปิง บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้ากาวิละ อ.เมืองเชียงใหม่
นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้รับฟังรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำพบว่า บางจุดยังมีปริมาณสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐาน จึงให้กรมควบคุมมลพิษ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในพื้นที่เสี่ยง และเผยแพร่ผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและข้อมูลที่เสี่ยงต่อสุขภาพแก่สาธารณชนรับทราบอย่างสม่ำเสมอ และให้มีระบบการเตือนภัยด้านคุณภาพน้ำที่รวดเร็วและครอบคลุม
นอกจากนี้ ให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสุขภาพประชาชนใน คัดกรองโรคจากสารหนูและโลหะหนัก ประปาส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย จัดหาน้ำดื่มสะอาดสำรองให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และวางแผนระยะยาวในการจัดหาแหล่งน้ำดิบที่สะอาด ปลอดภัย พร้อมพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน ให้กรมทรัพยากรน้ำเร่งสำรวจออกแบบจุดชะลอน้ำ ฝายดักตะกอน และเร่งสำรวจแหล่งน้ำผิวดินแห่งใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
นายประเสริฐ ยังมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินผลกระทบเบื้องต้นต่อภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว กำหนดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ให้คำแนะนำในการปรับตัวและฟื้นฟูอาชีพ ให้จังหวัดเร่งแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ พิจารณาโครงการจำเป็นเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษและฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนเสนอต่อรัฐบาล พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้ สทนช. วางแผนก้ไขปัญหาในระยะยาวผ่านกลไกความร่วมมือในทุกด้าน โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และกรอบความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (LMC)
สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะนี้มีปริมาณฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ คาดการณ์ว่ามีโอกาสเกิดฝนตกหนัก มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยช่วงปลายเดือนนี้ จึงต้องเตรียมการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยมอบหมายให้ จ.เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน เตรียมความพร้อมทุกด้าน พร้อมบูรณาการมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568
นอกจากนี้ ให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมชลประทาน กรมการทหารช่าง เร่งขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำรวก และแม่น้ำปิง รวมถึงก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวในแม่น้ำสาย ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่แล้วเสร็จตามแผน ให้เตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ ให้พร้อมรองรับสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำหลากในพื้นที่ได้ทันที
นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีปริมาตรน้ำรวม 393.15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น 56% ของความจุ จ.เชียงราย มีปริมาตรน้ำรวม 67.10 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 46% ของความจุ จ.ลำพูน มีปริมาตรน้ำรวม 24.78 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 59% ของความจุ ซึ่งอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำเพิ่มเติมได้อีก
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานยังคงเฝ้าระวังเพื่อปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมเร่งรัดโครงการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน เพื่อให้สามารถระบายน้ำและรองรับน้ำหลากอย่างเต็มศักยภาพ ปัจจุบันไทยมีความก้าวหน้าในการขุดลอกแม่น้ำรวก ประมาณ 53% และก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร ประมาณ 61% ของแผน